หมอมี 5 ล้าน หมอมี 10 ล้าน พอเปิดคลินิกได้ไหม

พอได้ไหม? คำตอบคือ พอได้ แต่ไม่พอรอด อาจจะเป็นประโยคที่คุณหมออาจจะไม่อยากฟัง แต่เชื่อเถอะครับ เราจริงใจจนต้องบอกความจริง ทำไมถึงพูดแบบนี้ สาเหตุเพราะคลินิกมีเยอะเกินไป คนมาทีหลังถ้าไม่มีข้อได้เปรียบทางการตลาดจริงๆ ยากที่ยืนระยะได้ด้วยเงินหมุนเวียนที่น้อย ทุกอย่างแพงขึ้นหมด ค่าเช่ายันค่าตัวพนักงาน หมอ แต่สวนทางกับราคาขาย ที่ทุกที่ขายของแบบเดียวกัน และตัดราคากันเอง 1 ปีแรก ให้ปรับตัวหาเส้นทาง สร้างฐานลูกค้า สร้างตัวตน ปีที่ 2 คือเส้นตายว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ ส่วนมากจึงลดความเสี่ยงด้วยการระดมทุน หาหุ้นส่วน 2-3 คน

กีตาร์ - ฝ่ายกลยุทธ์


มีทุนอยู่…พอเปิดคลินิกได้ไหม

“พอเปิดได้” แต่ต้องขอเน้นว่า ต้องเปิดในขอบเขตที่เหมาะสมและชัดเจน เช่น เงิน 5 ล้านหรือ 10 ล้านนั้น เราสามารถใช้สร้างและดำเนินธุรกิจได้ แต่จะมีผลต่อขนาดของคลินิก รูปแบบบริการ และตลาดเป้าหมายที่เราต้องการทำ

  • 5 ล้าน
    • เน้นเปิดคลินิกขนาดเล็ก: 80-120 ตรม.
    • ใช้ตกแต่งให้น่าเชื่อถือและสะอาดเรียบง่าย (ไม่ถึงขั้นหรูหรามาก)
    • เริ่มต้นด้วย บริการพื้นฐาน ที่มีอุปกรณ์และเครื่องมือราคาไม่สูง (เช่น โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ ฉีดเมโสหน้าใส)
    • ฝ่ายการตลาดอาจตอบโจทย์กลุ่มคนในละแวกพื้นที่เท่านั้น เพราะยังไม่มีงบขยายไปถึงการสร้างแบรนด์ที่ใหญ่
    • ข้อจำกัด เพราะทรัพยากรน้อย อาจทำให้ขยายบริการได้ช้าหรือวงเงินในการรับพนักงานฝีมือดีมีขีดจำกัด
  • 10 ล้าน:
    • อาจจะเพิ่มพื้นที่มากขึ้น 120-160 ตรม.
    • สามารถขยายโดยให้คลินิกมีเอกลักษณ์มากขึ้น เช่น ออกแบบพื้นที่ให้ดูน่าเชื่อถือ/ทันสมัยกว่า และเพิ่มตัวเลือกบริการด้านดูแลผิวพรรณ (เช่น HIFU, Lifting, Laser ตัวที่มีแบรนด์ติดตลาด)
    • ขยายทีมงานได้มากกว่า เช่น เพิ่มพนักงานต้อนรับ ฝ่ายการตลาด หรือพนักงานขายที่มีประสบการณ์สูง ค่าตัวสูงได้
    • ลงทุนกับการผลิตสื่อที่มากพอ น่าเชื่อถือ โปรโมทแพทย์ สร้างตัวตนแพทย์
    • ข้อจำกัด: แม้จะเริ่มต้นใหญ่ขึ้น แต่งบนี้ยังไม่พอการเข้าร่วมแข่งขันในตลาดใหญ่ โดยเฉพาะงบโฆษณา

 แล้วจะทำอย่างไรให้ไปรอด?

  1. ขนาดของคลินิกต้องเหมาะกับเงินทุน: อย่าคาดหวังเปิดคลินิกขนาดใหญ่ด้วยเงิน 5-10 ล้าน ให้เริ่มจากของเล็ก หรือบริการที่จับตลาดเฉพาะก่อน ส่วนมากบานปลายเพราะคำว่า ของมันต้องมี มันต้องเป๊ะ แล้วมันก็เกินงบ
  2. ต้องเตรียมเงินสำรอง: สัก 30-50% ของเงินลงทุนทั้งหมดเผื่อค่าใช้จ่ายในการขับเคลื่อนธุรกิจในช่วง 6-12 เดือนแรก
  3. เลือกบริการแทน “ซื้อเครื่อง”: หากมีงบจำกัด อย่าซื้ออุปกรณ์ราคาหลักหลายล้าน ให้เริ่มจากบริการที่สร้างกำไรเร็ว เช่น โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ HIFU โดยอุปกรณ์บางอย่างสามารถเช่าได้
  4. ความเป็นมืออาชีพของทีม: การจ้างพนักงานหรือผู้ช่วยมืออาชีพด้านการให้บริการ/ขาย จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและดึงลูกค้ากลับมาได้
  5. ไม่รู้เรื่องอะไร หาคนที่รู้มาแก้: เพราะตัวทำลายธุรกิจที่แท้จริงคือ เวลา ปัญหาปล่อยไว้ไม่ถูกแก้ หรือแก้ไม่ถูกจุด จะกินเวลาไปเรื่อยๆ สิ้นเดือนค่าใช้จ่ายรออยู่

เรื่องนี้ตอบยาวเลยนะครับ เพราะในยุคที่การแข่งขันในธุรกิจคลินิกความงามสูงขึ้น กลยุทธ์แจกบริการหรือสินค้าฟรี เช่น การวิเคราะห์ผิว เทสเตอร์ครีม หรือทรีทเมนท์ฟรี เริ่มได้ผลน้อยลง เพราะลูกค้าเริ่มไม่ตื่นเต้น ไม่เชื่อมั่น หรือบางคนรู้สึกว่าเป็นแค่มุกการตลาด โดยเฉพาะหากคลินิกนั้นให้ของฟรีแต่คุณภาพต่ำหรือไม่จริงใจกับลูกค้า แต่ถ้าคลินิกไหนกล้าให้ของดีฟรีจริงและมีความจริงใจในการบริการ สิ่งนี้จะสร้างความแตกต่างและคว้าใจลูกค้าได้อย่างยั่งยืน

อ่านต่อ

ตอนนี้เวลาออกแบบ Cover Facebook Page เราต้องคำนึงถึง ขอบภาพและ Safe Zone เป็นหลัก เพื่อให้เนื้อหาหลักแสดงผลได้ครบถ้วนบนทุกอุปกรณ์ อย่างบนเดสก์ท็อป ภาพจะถูกแสดงที่ขนาด 820 x 312 px ส่วนบนมือถือจะขยายเป็น 640 x 360 px ซึ่งพื้นที่ Safe Zone หรือ “พื้นที่ปลอดภัย” คือบริเวณตรงกลางภาพที่ขนาด 820 x 360 px เราควรเน้นวาง ข้อความสำคัญ หรือองค์ประกอบหลักให้อยู่ในโซนนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ขอบภาพถูกตัดเมื่อต่างอุปกรณ์แสดงผล และเพื่อคุณภาพสูงสุด ควรใช้ไฟล์ขนาดใหญ่กว่า เช่น 851 x 315 px ในการอัปโหลดครับ

อ่านต่อ

ตอบตามที่เห็นมาตลอด 12 ปี ของตลาดความงาม คือมันทั้งจริง และไม่จริงครับ

จริง เพราะ (ในอดีต) ยุคก่อนที่การแข่งขันยังไม่สูงเท่าปัจจุบัน และคู่แข่งอาจจะยังไม่ได้เน้นการตลาดมากนัก คลินิกที่มีสินค้าและบริการดีจริงๆ อาจจะอยู่ได้ด้วยคุณภาพและการบอกต่อของลูกค้าเป็นหลัก ทำให้ดูเหมือนว่าไม่ต้องพึ่งพาการโฆษณามากนัก ต่างคนต่างมีย่าน มีโซน แบ่งลูกค้าชัดเจน

ไม่จริง สำหรับยุคนี้ ตอนนี้ ที่มีคลินิกเปิดใหม่มากมาย การแข่งขันสูงมาก และทุกคนเข้าถึงเครื่องมือการตลาดได้ง่ายขึ้น การมีแค่สินค้าดี บริการดี อย่างเดียวไม่เพียงพอจริงๆ ครับ จำเป็นต้อง “บอก” ให้ลูกค้ารู้ “หา” ตลาดที่ใช่ และ “ทำ” การตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ได้ ซึ่งก็คือการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ นั่นเอง ออนไลน์ ออฟไลน์ ไม่ใช่สิ่งที่ต้องเลือกอีกต่อไป มันคือไม่ทำไม่ได้เลยต่างหากครับ

อ่านต่อ

ให้คำแนะนำได้ครับ ทีมการตลาดที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจคลินิกไม่ได้มีรูปแบบตายตัว ต้องพิจารณาจากขนาดขององค์กร จำนวนสาขา และเป้าหมายทางธุรกิจ เช่น การเพิ่มยอดขาย การสร้างแบรนด์ หรือการขยายฐานลูกค้า ตำแหน่งในทีมสามารถปรับได้ให้เหมาะสมกับงบประมาณและทรัพยากรที่มี หากเป็นคลินิกขนาดเล็กถึงปานกลาง ควรเลือกทีมที่มีความสามารถหลากหลายในแต่ละตำแหน่ง เพื่อลดจำนวนคน แต่ยังคงฟังก์ชันหลักของการตลาด

สำหรับคลินิกที่มี 1-3 สาขา ทีมที่แนะนำควรมี 4 ตำแหน่งหลัก ได้แก่ Marketing Strategist ที่วางแผนการตลาดและดูแลการยิงโฆษณา, Content Specialist ที่สร้างคอนเทนต์และผลิตงานวิดีโอ, Design Specialist ที่ดูแลงานกราฟิก และ Influencer & Partnership Manager ที่บริหารความร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์และพาร์ทเนอร์ ทีมขนาดนี้ช่วยให้ครอบคลุมทุกงานสำคัญ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและคล่องตัว เหมาะสำหรับการเริ่มต้นสร้างแบรนด์และขยายฐานลูกค้าในระดับท้องถิ่นหรือกลุ่มเป้าหมายเฉพาะต่อไป

อ่านต่อ

เมื่อจะเปิดคลินิกใหม่และต้องตัดสินใจเลือกสีแบรนด์ คุณมีสองแนวทางหลักในการพิจารณา แนวทางแรกคือการเลือกสีโดยอิงกับหลัก จิตวิทยาสี ซึ่งเป็นแนวคิดที่ศึกษาอิทธิพลของสีต่อความรู้สึกของมนุษย์และภาพลักษณ์ของธุรกิจ ตัวอย่างเช่น สีฟ้าและสีเขียวมักใช้ในคลินิกเพราะสื่อถึงความน่าเชื่อถือ ความสงบ และสุขภาพ สีขาวให้ความรู้สึกสะอาดปลอดภัย ส่วนสีชมพูหรือสีม่วงจะเหมาะกับคลินิกความงามเพราะสื่อถึงความอ่อนโยนและมีระดับ การเลือกสีในมิติของจิตวิทยาสี จะช่วยสื่อสารภาพลักษณ์ของคลินิกอย่างตรงจุด และสร้างความเชื่อมั่นในใจลูกค้าได้ง่ายขึ้นตามกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ

อีกแนวทางหนึ่งคือการเลือกสีโดยใช้หลัก “มูเก็ตติ้ง” (Muketing) หรือการพึ่งพาความเชื่อ โหราศาสตร์ และดวงชะตา ซึ่งกำลังเป็นกระแสนิยมในปัจจุบัน หลายธุรกิจเลือกใช้สีตามวันเกิดของเจ้าของ ตามธาตุประจำตัวของดวง หรือดูฤกษ์และศาสตร์ฮวงจุ้ยในการจัดวางสีที่เหมาะสม เช่น สีแดงหรือทอง หากต้องการเสริมด้านโชคลาภ สีเขียวเพื่อเรียกพลังความอุดมสมบูรณ์ หรือสีที่เป็น “สีมงคล” ตามศาสตร์ความเชื่อเพื่อดึงดูดลูกค้า วิธีนี้ไม่เพียงแต่สร้างเอกลักษณ์ให้แบรนด์ แต่ยังให้เจ้าของธุรกิจมั่นใจว่าคลินิกจะเริ่มต้นด้วยพลังบวกตามความเชื่อส่วนตัว ดังนั้นการตัดสินใจระหว่าง ความเป็นระบบ (จิตวิทยา) หรือความเชื่อแบบ มูเตลู (มูเก็ตติ้ง) ก็ขึ้นอยู่กับวิธีที่คุณรู้สึกว่าเหมาะสมสำหรับแบรนด์และตัวคุณมากที่สุด

อ่านต่อ

ได้ครับ ถ้าอยากได้คลิปครั้งเดียวที่ใช้ได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน ทำได้ครับ ถ่ายให้เฟรมกว้างหน่อย และจัดองค์ประกอบให้หมออยู่ตรงกลางเฟรม จะได้ครอบวิดีโอออกมาได้ทั้งสองแบบโดยภาพยังดูโอเค หรืออีกวิธีคือใช้กล้องที่ถ่ายแบบความละเอียดสูง (4K ขึ้นไป) เผื่อเวลาตัดต่อจะได้คุณภาพภาพที่ยังชัดอยู่

แต่ถ้าคุณหมออยากได้งานสวยที่สุดจริง ๆ ผมแนะนำว่าถ่ายแยกอันหนึ่งแนวตั้ง อันหนึ่งแนวนอนจะดีกว่าครับ จะได้คลิปที่เหมาะกับแต่ละแพลตฟอร์มเป๊ะ ๆ ไม่ต้องกังวลว่าเฟรมมันจะดูแปลก ครับ เพราะบางครั้ง เมื่อมีการขยับ ตัวจะดูแน่นเฟรมเกินไป โดยเฉพาะคุณหมอที่มีความกังวลกับรูปร่างตัวเองเป็นพิเศษ

อ่านต่อ

Home»FAQ»หมอมี 5 ล้าน หมอมี 10 ล้าน พอเปิดคลินิกได้ไหม