ลูกค้าใน inbox ถามแต่ราคา ตอบยังไงดี

ยังไงก็ต้องตอบราคาเพราะนั่นคือความต้องการหลักของลูกค้าครับ แต่ไม่จำเป็นต้องตอบราคาทันทีนะ ชวนคุยก่อนได้ เริ่มจากการถามลูกค้าเกี่ยวกับปัญหาหรือความต้องการของพวกเขาก่อน เพื่อให้รู้ว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่ลูกค้าต้องการคืออะไร แล้วค่อยเสนอวิธีแก้ไขที่เหมาะสมเพื่อให้พวกเขาเห็นคุณค่าและประโยชน์จากบริการของคุณ หรืออยู่ที่ไหน สาขาใกล้เขามากที่สุดเป็นที่ไหน

การตอบราคาในภายหลังจะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าบริการที่พวกเขาจะได้รับมีค่าเกินกว่าตัวเลข ทำให้โอกาสที่พวกเขาจะตัดสินใจซื้อบริการนั้นสูงขึ้น ถ้าสามารถสร้างความเข้าใจและแสดงให้เห็นถึงคุณค่าในการแก้ปัญหาได้อย่างชัดเจน จะช่วยให้ปิดการขายได้ง่ายขึ้นไปอีกครับ

กีตาร์ - ฝ่ายกลยุทธ์


ทำไมลูกค้าชอบถามราคา ใน inbox เป็นคำถามแรก ตอบยังไงดี

ทำไมลูกค้าถามราคาเป็นคำถามแรก

การที่ลูกค้าถามราคาเป็นคำถามแรกในบริบทธุรกิจคลินิกความงามนั้นสามารถมีสาเหตุหลายประการ ได้แก่

  1. การเปรียบเทียบราคา: ลูกค้ามักจะพิจารณาหลายตัวเลือกและเปรียบเทียบราคาเพื่อหาความคุ้มค่าที่สุดก่อนทำการตัดสินใจ
  2. งบประมาณ: ลูกค้าส่วนใหญ่มักจะมีงบประมาณที่ตั้งไว้แล้ว และต้องการทราบราคาก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถจ่ายได้
  3. ข้อมูลเบื้องต้น: ลูกค้าอาจไม่รู้รายละเอียดของบริการมากนัก จึงเริ่มต้นด้วยการถามราคาซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญสำหรับการตัดสินใจ
  4. ลูกค้าอาจได้ข้อมูลส่วนอื่นแล้ว: อาจจะรู้แล้วว่าโปรแกรมอะไร ใครทำ ทำนานกี่นาที กี่ครั้งเห็นผล และคลินิกอยู่ที่ไหน แต่บางสื่อไม่ได้บอกราคาชัดเจนไว้

คำแนะนำในการตอบกลับลูกค้า

  • ให้ข้อมูลเพิ่มเติม: ตอบคำถามเรื่องราคา แต่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริการที่รวมอยู่ในราคานั้น เช่น สอบถามว่าลูกค้าสนใจบริการไหน หรือมีปัญหาผิวอะไรที่อยากแก้ไข และแนะนำบริการที่เหมาะสม
  • เน้นคุณค่า: อธิบายว่าทำไมบริการนั้นๆ ถึงมีค่าใช้จ่ายที่กำหนด เช่น ความชำนาญของทีมแพทย์หรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้
  • เสนอโปรโมชั่น: หากมีโปรโมชันหรือแพ็กเกจพิเศษในช่วงนั้น ควรนำเสนอให้ลูกค้าทราบ

คำแนะนำ

ข้อควรระวังคือ อย่ามัวแต่ชวนคุยเรื่องอื่นจนลืมราคา เพราะถ้าลูกค้ารู้สึกว่ายังไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ อาจทำให้เค้ารู้สึกรำคาญหรือตัดสินใจไม่ใช้บริการ และสุดท้ายภาพลักษณ์ของแบรนด์ก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย เพราะการตอบคำถามได้ตรงจุดแสดงถึงความใส่ใจและความมืออาชีพของเรา


เรื่องนี้ตอบยาวเลยนะครับ เพราะในยุคที่การแข่งขันในธุรกิจคลินิกความงามสูงขึ้น กลยุทธ์แจกบริการหรือสินค้าฟรี เช่น การวิเคราะห์ผิว เทสเตอร์ครีม หรือทรีทเมนท์ฟรี เริ่มได้ผลน้อยลง เพราะลูกค้าเริ่มไม่ตื่นเต้น ไม่เชื่อมั่น หรือบางคนรู้สึกว่าเป็นแค่มุกการตลาด โดยเฉพาะหากคลินิกนั้นให้ของฟรีแต่คุณภาพต่ำหรือไม่จริงใจกับลูกค้า แต่ถ้าคลินิกไหนกล้าให้ของดีฟรีจริงและมีความจริงใจในการบริการ สิ่งนี้จะสร้างความแตกต่างและคว้าใจลูกค้าได้อย่างยั่งยืน

อ่านต่อ

ตอนนี้เวลาออกแบบ Cover Facebook Page เราต้องคำนึงถึง ขอบภาพและ Safe Zone เป็นหลัก เพื่อให้เนื้อหาหลักแสดงผลได้ครบถ้วนบนทุกอุปกรณ์ อย่างบนเดสก์ท็อป ภาพจะถูกแสดงที่ขนาด 820 x 312 px ส่วนบนมือถือจะขยายเป็น 640 x 360 px ซึ่งพื้นที่ Safe Zone หรือ “พื้นที่ปลอดภัย” คือบริเวณตรงกลางภาพที่ขนาด 820 x 360 px เราควรเน้นวาง ข้อความสำคัญ หรือองค์ประกอบหลักให้อยู่ในโซนนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ขอบภาพถูกตัดเมื่อต่างอุปกรณ์แสดงผล และเพื่อคุณภาพสูงสุด ควรใช้ไฟล์ขนาดใหญ่กว่า เช่น 851 x 315 px ในการอัปโหลดครับ

อ่านต่อ

ตอบตามที่เห็นมาตลอด 12 ปี ของตลาดความงาม คือมันทั้งจริง และไม่จริงครับ

จริง เพราะ (ในอดีต) ยุคก่อนที่การแข่งขันยังไม่สูงเท่าปัจจุบัน และคู่แข่งอาจจะยังไม่ได้เน้นการตลาดมากนัก คลินิกที่มีสินค้าและบริการดีจริงๆ อาจจะอยู่ได้ด้วยคุณภาพและการบอกต่อของลูกค้าเป็นหลัก ทำให้ดูเหมือนว่าไม่ต้องพึ่งพาการโฆษณามากนัก ต่างคนต่างมีย่าน มีโซน แบ่งลูกค้าชัดเจน

ไม่จริง สำหรับยุคนี้ ตอนนี้ ที่มีคลินิกเปิดใหม่มากมาย การแข่งขันสูงมาก และทุกคนเข้าถึงเครื่องมือการตลาดได้ง่ายขึ้น การมีแค่สินค้าดี บริการดี อย่างเดียวไม่เพียงพอจริงๆ ครับ จำเป็นต้อง “บอก” ให้ลูกค้ารู้ “หา” ตลาดที่ใช่ และ “ทำ” การตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ได้ ซึ่งก็คือการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ นั่นเอง ออนไลน์ ออฟไลน์ ไม่ใช่สิ่งที่ต้องเลือกอีกต่อไป มันคือไม่ทำไม่ได้เลยต่างหากครับ

อ่านต่อ

ให้คำแนะนำได้ครับ ทีมการตลาดที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจคลินิกไม่ได้มีรูปแบบตายตัว ต้องพิจารณาจากขนาดขององค์กร จำนวนสาขา และเป้าหมายทางธุรกิจ เช่น การเพิ่มยอดขาย การสร้างแบรนด์ หรือการขยายฐานลูกค้า ตำแหน่งในทีมสามารถปรับได้ให้เหมาะสมกับงบประมาณและทรัพยากรที่มี หากเป็นคลินิกขนาดเล็กถึงปานกลาง ควรเลือกทีมที่มีความสามารถหลากหลายในแต่ละตำแหน่ง เพื่อลดจำนวนคน แต่ยังคงฟังก์ชันหลักของการตลาด

สำหรับคลินิกที่มี 1-3 สาขา ทีมที่แนะนำควรมี 4 ตำแหน่งหลัก ได้แก่ Marketing Strategist ที่วางแผนการตลาดและดูแลการยิงโฆษณา, Content Specialist ที่สร้างคอนเทนต์และผลิตงานวิดีโอ, Design Specialist ที่ดูแลงานกราฟิก และ Influencer & Partnership Manager ที่บริหารความร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์และพาร์ทเนอร์ ทีมขนาดนี้ช่วยให้ครอบคลุมทุกงานสำคัญ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและคล่องตัว เหมาะสำหรับการเริ่มต้นสร้างแบรนด์และขยายฐานลูกค้าในระดับท้องถิ่นหรือกลุ่มเป้าหมายเฉพาะต่อไป

อ่านต่อ

เมื่อจะเปิดคลินิกใหม่และต้องตัดสินใจเลือกสีแบรนด์ คุณมีสองแนวทางหลักในการพิจารณา แนวทางแรกคือการเลือกสีโดยอิงกับหลัก จิตวิทยาสี ซึ่งเป็นแนวคิดที่ศึกษาอิทธิพลของสีต่อความรู้สึกของมนุษย์และภาพลักษณ์ของธุรกิจ ตัวอย่างเช่น สีฟ้าและสีเขียวมักใช้ในคลินิกเพราะสื่อถึงความน่าเชื่อถือ ความสงบ และสุขภาพ สีขาวให้ความรู้สึกสะอาดปลอดภัย ส่วนสีชมพูหรือสีม่วงจะเหมาะกับคลินิกความงามเพราะสื่อถึงความอ่อนโยนและมีระดับ การเลือกสีในมิติของจิตวิทยาสี จะช่วยสื่อสารภาพลักษณ์ของคลินิกอย่างตรงจุด และสร้างความเชื่อมั่นในใจลูกค้าได้ง่ายขึ้นตามกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ

อีกแนวทางหนึ่งคือการเลือกสีโดยใช้หลัก “มูเก็ตติ้ง” (Muketing) หรือการพึ่งพาความเชื่อ โหราศาสตร์ และดวงชะตา ซึ่งกำลังเป็นกระแสนิยมในปัจจุบัน หลายธุรกิจเลือกใช้สีตามวันเกิดของเจ้าของ ตามธาตุประจำตัวของดวง หรือดูฤกษ์และศาสตร์ฮวงจุ้ยในการจัดวางสีที่เหมาะสม เช่น สีแดงหรือทอง หากต้องการเสริมด้านโชคลาภ สีเขียวเพื่อเรียกพลังความอุดมสมบูรณ์ หรือสีที่เป็น “สีมงคล” ตามศาสตร์ความเชื่อเพื่อดึงดูดลูกค้า วิธีนี้ไม่เพียงแต่สร้างเอกลักษณ์ให้แบรนด์ แต่ยังให้เจ้าของธุรกิจมั่นใจว่าคลินิกจะเริ่มต้นด้วยพลังบวกตามความเชื่อส่วนตัว ดังนั้นการตัดสินใจระหว่าง ความเป็นระบบ (จิตวิทยา) หรือความเชื่อแบบ มูเตลู (มูเก็ตติ้ง) ก็ขึ้นอยู่กับวิธีที่คุณรู้สึกว่าเหมาะสมสำหรับแบรนด์และตัวคุณมากที่สุด

อ่านต่อ

ได้ครับ ถ้าอยากได้คลิปครั้งเดียวที่ใช้ได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน ทำได้ครับ ถ่ายให้เฟรมกว้างหน่อย และจัดองค์ประกอบให้หมออยู่ตรงกลางเฟรม จะได้ครอบวิดีโอออกมาได้ทั้งสองแบบโดยภาพยังดูโอเค หรืออีกวิธีคือใช้กล้องที่ถ่ายแบบความละเอียดสูง (4K ขึ้นไป) เผื่อเวลาตัดต่อจะได้คุณภาพภาพที่ยังชัดอยู่

แต่ถ้าคุณหมออยากได้งานสวยที่สุดจริง ๆ ผมแนะนำว่าถ่ายแยกอันหนึ่งแนวตั้ง อันหนึ่งแนวนอนจะดีกว่าครับ จะได้คลิปที่เหมาะกับแต่ละแพลตฟอร์มเป๊ะ ๆ ไม่ต้องกังวลว่าเฟรมมันจะดูแปลก ครับ เพราะบางครั้ง เมื่อมีการขยับ ตัวจะดูแน่นเฟรมเกินไป โดยเฉพาะคุณหมอที่มีความกังวลกับรูปร่างตัวเองเป็นพิเศษ

อ่านต่อ

Home»FAQ»ลูกค้าใน inbox ถามแต่ราคา ตอบยังไงดี