ตอนนี้จะโปรโมทหมอในคลินิกความงามมีข้อห้ามอะไรบ้าง

มีหลากหลายข้อมากเลยครับ ยกมาบางส่วนที่เห็นว่าอาจจะกระทบกับกิจกรรมทางการตลาดของคลินิกส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคลินิกที่มีคุณหมออกสื่อ อาจจะมีการกระทบหลายส่วน ดังนี้ครับ

กีตาร์ - ฝ่ายกลยุทธ์


ข้อห้ามเกี่ยวกับแพทย์

  1. ห้ามนำหมอ PART-TIME มาโฆษณา
    – ไม่อนุญาตให้ใช้หมอที่ทำงานแบบพาร์ตไทม์ในการโปรโมทต่าง ๆ
  2. ห้ามจัดอบรมในสถานพยาบาลหรือเข้ารับการอบรมที่ไม่ได้รับรอง
    – การจัดอบรมหรือเข้ารับการอบรมต้องได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
  3. ห้ามแสดงผลิตภัณฑ์, เครื่องหมายการค้า, ยี่ห้อ คู่กับหมอ
    – ห้ามแสดงสินค้าหรือการค้าใด ๆ ร่วมกับหมอ ทั้งทางตรงและทางอ้อม
  4. ห้ามแสดงข้อความ หรือภาพ ที่ชี้ว่าเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
    – ยกเว้นแพทย์ผู้ที่ได้รับอนุญาตจากแพทยสภา เช่น แพทย์ที่จบเฉพาะทาง
  5. ห้ามหมอทำหัตถการด้วยตนเอง เช่น ฉีดหน้าตัวเอง
    – หมอไม่สามารถทำหัตถการที่เกี่ยวข้องกับตนเองได้
  6. ห้ามไลฟ์สด (ชุดหมอ) ในสถานพยาบาล
    – การถ่ายทอดสดหรือการไลฟ์ในสภาพแวดล้อมของสถานพยาบาลไม่อนุญาต
  7. ห้ามใช้ดาราหรือ PRESENTER ที่สื่อว่าเป็นแพทย์
    – ไม่อนุญาตให้ใช้ดาราหรือผู้แสดงที่แต่งกายเหมือนผู้แพทย์ ยกเว้นในสถานการณ์ที่เป็นภาพยนตร์ โดยต้องขออนุญาตจากการดูสตอรีบอร์ดก่อน

ข้อควรปฏิบัติตาม

  1. ให้แสดงชื่อ – สกุลจริงเป็นภาษาไทย
    – ต้องระบุชื่อและนามสกุลจริงของแพทย์เป็นภาษาไทยในเอกสารหรือโฆษณา
  2. ให้แสดงเลข ว.
    – ต้องมีการแสดงเลขทะเบียนแพทย์ (เลข ว.) อย่างชัดเจน
  3. ต้องเป็นผู้ดำเนินการสถานพยาบาล หรือมี สพ. 6 เท่านั้น
    – ผู้ที่ทำการโฆษณาต้องเป็นผู้ดำเนินการสถานพยาบาล หรือมีประกาศนียบัตร สพ. 6 เท่านั้น
  4. ให้แสดงเลขที่อนุมัติโฆษณาในสื่อที่ได้รับอนุมัติ
    – ต้องมีการแสดงเลขที่การอนุมัติโฆษณาที่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  5. หลักสูตรอบรมแพทยสภาต้องให้การรับรองถึงนำมาโฆษณาได้
    – ต้องใช้หลักสูตรอบรมที่มีการรับรองจากแพทยสภาเท่านั้น ซึ่งจะต้องมีตราประทับที่แสดงว่าหลักสูตรนั้นได้รับการรับรอง

หมอและรางวัลจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในคลินิก

  1. ภาพ หรือข้อความห้ามสื่อว่าตนเองเหนือกว่า
    – ห้ามใช้ภาพหรือข้อความที่สื่อความหมายว่าตนเองหรือสถานพยาบาลมีความเหนือกว่าผู้อื่น เช่น การันตีด้วยรางวัลมากมาย, 1 ใน 20 คลินิกที่ดีที่สุด, หรือ ยอดซื้อสูงสุด
  2. รางวัลของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ห้ามโฆษณา
    – ห้ามทำการโฆษณาเกี่ยวกับรางวัลของผลิตภัณฑ์ยกเว้นเมื่อได้รับโล่มาตรฐานสากล เช่น JCI, ACI โดยต้องระบุวันที่ที่ได้รับโล่นั้นมา

ดูข้อมูลทั้งหมดได้ที่นี่

https://drive.google.com/file/d/19N_eSQWS3PAgAHdisQt3Qo32KIFUMyof/view?usp=sharing

เรื่องนี้ตอบยาวเลยนะครับ เพราะในยุคที่การแข่งขันในธุรกิจคลินิกความงามสูงขึ้น กลยุทธ์แจกบริการหรือสินค้าฟรี เช่น การวิเคราะห์ผิว เทสเตอร์ครีม หรือทรีทเมนท์ฟรี เริ่มได้ผลน้อยลง เพราะลูกค้าเริ่มไม่ตื่นเต้น ไม่เชื่อมั่น หรือบางคนรู้สึกว่าเป็นแค่มุกการตลาด โดยเฉพาะหากคลินิกนั้นให้ของฟรีแต่คุณภาพต่ำหรือไม่จริงใจกับลูกค้า แต่ถ้าคลินิกไหนกล้าให้ของดีฟรีจริงและมีความจริงใจในการบริการ สิ่งนี้จะสร้างความแตกต่างและคว้าใจลูกค้าได้อย่างยั่งยืน

อ่านต่อ

ตอนนี้เวลาออกแบบ Cover Facebook Page เราต้องคำนึงถึง ขอบภาพและ Safe Zone เป็นหลัก เพื่อให้เนื้อหาหลักแสดงผลได้ครบถ้วนบนทุกอุปกรณ์ อย่างบนเดสก์ท็อป ภาพจะถูกแสดงที่ขนาด 820 x 312 px ส่วนบนมือถือจะขยายเป็น 640 x 360 px ซึ่งพื้นที่ Safe Zone หรือ “พื้นที่ปลอดภัย” คือบริเวณตรงกลางภาพที่ขนาด 820 x 360 px เราควรเน้นวาง ข้อความสำคัญ หรือองค์ประกอบหลักให้อยู่ในโซนนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ขอบภาพถูกตัดเมื่อต่างอุปกรณ์แสดงผล และเพื่อคุณภาพสูงสุด ควรใช้ไฟล์ขนาดใหญ่กว่า เช่น 851 x 315 px ในการอัปโหลดครับ

อ่านต่อ

ตอบตามที่เห็นมาตลอด 12 ปี ของตลาดความงาม คือมันทั้งจริง และไม่จริงครับ

จริง เพราะ (ในอดีต) ยุคก่อนที่การแข่งขันยังไม่สูงเท่าปัจจุบัน และคู่แข่งอาจจะยังไม่ได้เน้นการตลาดมากนัก คลินิกที่มีสินค้าและบริการดีจริงๆ อาจจะอยู่ได้ด้วยคุณภาพและการบอกต่อของลูกค้าเป็นหลัก ทำให้ดูเหมือนว่าไม่ต้องพึ่งพาการโฆษณามากนัก ต่างคนต่างมีย่าน มีโซน แบ่งลูกค้าชัดเจน

ไม่จริง สำหรับยุคนี้ ตอนนี้ ที่มีคลินิกเปิดใหม่มากมาย การแข่งขันสูงมาก และทุกคนเข้าถึงเครื่องมือการตลาดได้ง่ายขึ้น การมีแค่สินค้าดี บริการดี อย่างเดียวไม่เพียงพอจริงๆ ครับ จำเป็นต้อง “บอก” ให้ลูกค้ารู้ “หา” ตลาดที่ใช่ และ “ทำ” การตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ได้ ซึ่งก็คือการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ นั่นเอง ออนไลน์ ออฟไลน์ ไม่ใช่สิ่งที่ต้องเลือกอีกต่อไป มันคือไม่ทำไม่ได้เลยต่างหากครับ

อ่านต่อ

ให้คำแนะนำได้ครับ ทีมการตลาดที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจคลินิกไม่ได้มีรูปแบบตายตัว ต้องพิจารณาจากขนาดขององค์กร จำนวนสาขา และเป้าหมายทางธุรกิจ เช่น การเพิ่มยอดขาย การสร้างแบรนด์ หรือการขยายฐานลูกค้า ตำแหน่งในทีมสามารถปรับได้ให้เหมาะสมกับงบประมาณและทรัพยากรที่มี หากเป็นคลินิกขนาดเล็กถึงปานกลาง ควรเลือกทีมที่มีความสามารถหลากหลายในแต่ละตำแหน่ง เพื่อลดจำนวนคน แต่ยังคงฟังก์ชันหลักของการตลาด

สำหรับคลินิกที่มี 1-3 สาขา ทีมที่แนะนำควรมี 4 ตำแหน่งหลัก ได้แก่ Marketing Strategist ที่วางแผนการตลาดและดูแลการยิงโฆษณา, Content Specialist ที่สร้างคอนเทนต์และผลิตงานวิดีโอ, Design Specialist ที่ดูแลงานกราฟิก และ Influencer & Partnership Manager ที่บริหารความร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์และพาร์ทเนอร์ ทีมขนาดนี้ช่วยให้ครอบคลุมทุกงานสำคัญ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและคล่องตัว เหมาะสำหรับการเริ่มต้นสร้างแบรนด์และขยายฐานลูกค้าในระดับท้องถิ่นหรือกลุ่มเป้าหมายเฉพาะต่อไป

อ่านต่อ

เมื่อจะเปิดคลินิกใหม่และต้องตัดสินใจเลือกสีแบรนด์ คุณมีสองแนวทางหลักในการพิจารณา แนวทางแรกคือการเลือกสีโดยอิงกับหลัก จิตวิทยาสี ซึ่งเป็นแนวคิดที่ศึกษาอิทธิพลของสีต่อความรู้สึกของมนุษย์และภาพลักษณ์ของธุรกิจ ตัวอย่างเช่น สีฟ้าและสีเขียวมักใช้ในคลินิกเพราะสื่อถึงความน่าเชื่อถือ ความสงบ และสุขภาพ สีขาวให้ความรู้สึกสะอาดปลอดภัย ส่วนสีชมพูหรือสีม่วงจะเหมาะกับคลินิกความงามเพราะสื่อถึงความอ่อนโยนและมีระดับ การเลือกสีในมิติของจิตวิทยาสี จะช่วยสื่อสารภาพลักษณ์ของคลินิกอย่างตรงจุด และสร้างความเชื่อมั่นในใจลูกค้าได้ง่ายขึ้นตามกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ

อีกแนวทางหนึ่งคือการเลือกสีโดยใช้หลัก “มูเก็ตติ้ง” (Muketing) หรือการพึ่งพาความเชื่อ โหราศาสตร์ และดวงชะตา ซึ่งกำลังเป็นกระแสนิยมในปัจจุบัน หลายธุรกิจเลือกใช้สีตามวันเกิดของเจ้าของ ตามธาตุประจำตัวของดวง หรือดูฤกษ์และศาสตร์ฮวงจุ้ยในการจัดวางสีที่เหมาะสม เช่น สีแดงหรือทอง หากต้องการเสริมด้านโชคลาภ สีเขียวเพื่อเรียกพลังความอุดมสมบูรณ์ หรือสีที่เป็น “สีมงคล” ตามศาสตร์ความเชื่อเพื่อดึงดูดลูกค้า วิธีนี้ไม่เพียงแต่สร้างเอกลักษณ์ให้แบรนด์ แต่ยังให้เจ้าของธุรกิจมั่นใจว่าคลินิกจะเริ่มต้นด้วยพลังบวกตามความเชื่อส่วนตัว ดังนั้นการตัดสินใจระหว่าง ความเป็นระบบ (จิตวิทยา) หรือความเชื่อแบบ มูเตลู (มูเก็ตติ้ง) ก็ขึ้นอยู่กับวิธีที่คุณรู้สึกว่าเหมาะสมสำหรับแบรนด์และตัวคุณมากที่สุด

อ่านต่อ

ได้ครับ ถ้าอยากได้คลิปครั้งเดียวที่ใช้ได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน ทำได้ครับ ถ่ายให้เฟรมกว้างหน่อย และจัดองค์ประกอบให้หมออยู่ตรงกลางเฟรม จะได้ครอบวิดีโอออกมาได้ทั้งสองแบบโดยภาพยังดูโอเค หรืออีกวิธีคือใช้กล้องที่ถ่ายแบบความละเอียดสูง (4K ขึ้นไป) เผื่อเวลาตัดต่อจะได้คุณภาพภาพที่ยังชัดอยู่

แต่ถ้าคุณหมออยากได้งานสวยที่สุดจริง ๆ ผมแนะนำว่าถ่ายแยกอันหนึ่งแนวตั้ง อันหนึ่งแนวนอนจะดีกว่าครับ จะได้คลิปที่เหมาะกับแต่ละแพลตฟอร์มเป๊ะ ๆ ไม่ต้องกังวลว่าเฟรมมันจะดูแปลก ครับ เพราะบางครั้ง เมื่อมีการขยับ ตัวจะดูแน่นเฟรมเกินไป โดยเฉพาะคุณหมอที่มีความกังวลกับรูปร่างตัวเองเป็นพิเศษ

อ่านต่อ

Home»FAQ»ตอนนี้จะโปรโมทหมอในคลินิกความงามมีข้อห้ามอะไรบ้าง