เมื่อพูดถึงกฎระเบียบใหม่ในวงการความงาม หลายคนอาจถอนหายใจและคิดว่า “อีกแล้วหรือ?” ผมเข้าใจความรู้สึกนั้นดี ในฐานะเอเจนซี่ที่ทำงานกับคลินิกความงามมานาน ผมได้เห็นระเบียบและข้อกำหนดมากมายผ่านมาและผ่านไป บางอย่างก็เหมือน “ไฟไหม้ฟาง” – ร้อนแรงในช่วงแรก แล้วก็มอดดับไปโดยไม่มีการบังคับใช้อย่างจริงจัง
แต่ระเบียบการโฆษณาสถานพยาบาล 2568 นี้? อาจจะสร้างแรงกระเพื่อมได้มากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
คลินิกที่คิดว่า “เดี๋ยวก็ผ่านไป” อาจต้องผิดหวัง
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้คุยกับเจ้าของคลินิกหลายราย มีคำพูดหนึ่งที่ผมได้ยินบ่อยคือ “เดี๋ยวก็เงียบไปเอง รอให้กระแสผ่านไปก่อน”
แนวคิดแบบ “ไฟไหม้ฟาง” นี้อันตรายมาก โดยเฉพาะกับระเบียบฉบับใหม่นี้ เพราะหลายสิ่งบ่งชี้ว่านี่ไม่ใช่เพียงกระแสชั่วครู่
- การเพิ่มทีมติดตามตรวจสอบ: สบส. ได้เพิ่มทีมและระบบติดตามการกระทำผิดโดยเฉพาะ
- MOU กับ 10 กรม: มีการลงนามความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อแจ้งเบาะแสการกระทำผิด
- อำนาจการถอดโปรไฟล์: สบส. สามารถประสานกับแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อถอดโปรไฟล์ที่ทำผิดกฎหมาย
- บทลงโทษที่เพิ่มขึ้น: ทั้งค่าปรับสะสมรายวันและโทษจำคุกในกรณีร้ายแรง
มุมมองผิด vs มุมมองที่ถูกต้อง
เวลาที่มีระเบียบใหม่ออกมา เรามักเห็นคลินิกแบ่งเป็นสองประเภท
ประเภทที่ 1: “นี่แค่ไฟไหม้ฟาง”
- มองว่าเป็นเรื่องชั่วคราว
- ทำเหมือนเดิม หรือเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย
- รอให้กระแสผ่านไป แล้วกลับไปทำเหมือนเดิม
- มักโดนจับและเสียค่าปรับในที่สุด
ประเภทที่ 2: “นี่คือโอกาสทางการตลาด”
- มองการเปลี่ยนแปลงเป็นโอกาส
- ปรับกลยุทธ์การตลาดให้สอดคล้องกับกฎหมาย
- สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งที่ยังทำผิดกฎหมาย
- ได้ความเชื่อมั่นจากลูกค้าในระยะยาว
คลินิกที่มองการณ์ไกลจะเห็นว่า ระเบียบใหม่นี้ไม่ได้จำกัดการเติบโต แต่เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการ
ทำไมวงการความงามต้องจริงจังกับระเบียบนี้?
จากการประชุมของ สบส. เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 มีประเด็นสำคัญที่ทำให้เชื่อว่าครั้งนี้ต่างจากทุกครั้ง
- ระบบการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น: มีการใช้เทคโนโลยีสแกนโซเชียลมีเดีย
- เจ้าหน้าที่มีความเข้าใจดิจิทัลมากขึ้น: ไม่ใช่แค่ตรวจสอบป้ายหน้าคลินิก แต่เข้าใจการทำงานของ Influencer และการตลาดออนไลน์
- แพทยสภาเข้มงวด: แพทย์ที่ฝ่าฝืนอาจถูกพักใบอนุญาต 6 เดือน
- คลินิกที่ปฏิบัติตามกฎหมายเริ่มแจ้งเบาะแสคู่แข่ง: เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบทางการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม
ปรับตัว vs หลบหลีก
คำถามสำคัญไม่ใช่ “เราจะหลบกฎนี้อย่างไร” แต่เป็น “เราจะปรับตัวทำการตลาดภายใต้กฎนี้อย่างไรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด”
ในฐานะเอเจนซี่ ผมได้แนะนำลูกค้าให้
- ศึกษากฎระเบียบอย่างละเอียด: รู้ว่าอะไรทำได้และทำไม่ได้ (เช่น การใช้คำว่า “โปรแกรม” นำหน้าชื่อเครื่องมือแพทย์)
- เน้นคุณภาพเนื้อหามากกว่าปริมาณ: สร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่า ให้ความรู้ และน่าเชื่อถือ
- ขออนุญาตให้ถูกต้อง: ยื่นขออนุญาตโฆษณาทุกชิ้นที่ต้องขอ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
- สร้างความแตกต่าง: ในเมื่อทุกคนต้องเล่นตามกฎเดียวกัน ความแตกต่างจะมาจากความคิดสร้างสรรค์ที่อยู่ในกรอบกฎหมาย
- ฐานลูกค้าเก่าใครมีคุณภาพ คนนั้นได้ไปต่อ
- คลินิกหน้าใหม่ ไม่มีไม้เด็ด ก็ยากที่แย่งส่วนแบ่งจากตลาด
สรุป เปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนผลลัพธ์
ไม่ว่าวงการจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เราในฐานะเอเจนซี่ยังคงให้ความสำคัญกับนำเสนอ “ประสบการณ์การรักษาการรับบริการของลูกค้าเป็นสำคัญ” แบบที่ยึดถือเสมอมา แม้จะต้องมีงานหนักในการสร้างสรรค์ นำเสนอรูปแบบใหม่รออยู่ข้างหน้า
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับระเบียบการโฆษณาสถานพยาบาล 2568 สามารถอ่านได้ที่บทความ “คู่มือระเบียบการโฆษณาสถานพยาบาล 2568 แนวทางสำหรับคลินิกความงาม” ซึ่งเราได้สรุปทุกประเด็นสำคัญจากการประชุม สบส. และทำลิ้งค์โหลดสไลด์ ไว้เรียบร้อยแล้ว