
เป็นประเด็นที่คนทำโฆษณาถกเถียงกันบ่อย ระหว่างเจ้าของคลินิกกับคนยิงแอด ไม่ว่าจะเป็น Inhouse, Freelance หรือจะเอเจนซี่เอง คำตอบคือ ไม่มีแบบไหนดีกว่าอะไร แต่ดีกว่าในบาง “เป้าหมายและสถานการณ์ที่ต่างกัน” ครับ
There’s no one-size-fits-all solution.
ตารางเปรียบเทียบ งบประมาณรายวัน (Daily) vs งบประมาณตลอดอายุ (Lifetime)
คุณสมบัติ | การกำหนดงบประมาณต่อวัน (Daily Budget) | การกำหนดงบประมาณตลอดอายุการใช้งาน (Lifetime Budget) |
---|---|---|
การใช้เงิน | 💸 สม่ำเสมอ Facebook จะพยายามใช้เงินให้ใกล้เคียงกับงบที่คุณตั้งไว้ในแต่ละวันให้มากที่สุด | 🌊 ยืดหยุ่น Facebook จะใช้งบไม่เท่ากันในแต่ละวัน วันไหนมีแนวโน้มได้ผลลัพธ์ดี (เช่น คนทักเยอะ) ก็จะใช้งบเยอะขึ้น วันไหนไม่ดีก็จะใช้น้อยลงเอง |
การควบคุม | ✅ ควบคุมง่าย คุณควบคุมค่าใช้จ่ายรายวันได้แม่นยำ เหมาะกับการคุมงบไม่ให้บานปลาย | 📉 ควบคุมยากกว่า คุณจะเห็นการใช้เงินเหวี่ยงไปมา บางวันใช้น้อย บางวันใช้เยอะ แต่จะอยู่ในงบรวมที่คุณตั้งไว้ตอนจบแคมเปญ |
(Ad Scheduling) | ❌ ทำไม่ได้ โฆษณาจะรันตลอด 24 ชั่วโมง | ✅ ทำได้ (นี่คือข้อได้เปรียบสำคัญ) สามารถเลือกให้โฆษณาแสดงเฉพาะวันหรือช่วงเวลาที่ต้องการได้ เช่น เฉพาะช่วงเย็นหลังเลิกงาน หรือเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ |
การเรียนรู้ของ (AI) | AI จะพยายามหาผลลัพธ์ที่ดีที่สุดภายใต้งบประมาณของ “วันนั้น” | AI มีอิสระมากกว่าในการหาผลลัพธ์ที่ดีที่สุดตลอด “ระยะเวลาทั้งแคมเปญ” ทำให้มีโอกาสเจอช่วงเวลาที่ “ถูกและดี” ได้มากกว่า |
สถานการณ์ | – แคมเปญที่รันต่อเนื่อง (Always-on) เช่น แคมเปญหาลูกค้าใหม่เรื่อยๆ – ช่วงทดสอบ (Testing) เพื่อหาว่าโฆษณา/กลุ่มเป้าหมายไหนดีที่สุด – ต้องการความเสถียรของงบประมาณ | – แคมเปญที่มีวันเริ่มต้นและสิ้นสุดชัดเจน เช่น โปรโมชั่น 11.11, โปรฯ สิ้นปี – ต้องการใช้ Ad Scheduling เพื่อเจาะจงช่วงเวลาที่ลูกค้ามีแนวโน้มจะทักเข้ามาสูง – ต้องการให้ AI ช่วยหาผลลัพธ์ให้เต็มประสิทธิภาพที่สุด ในงบก้อนเดียว |
สำหรับบริบท “คลินิกความงาม” โดยเฉพาะ
จากลักษณะของธุรกิจคลินิก ที่ลูกค้ามักจะต้องใช้เวลาตัดสินใจ, ทักเข้ามาสอบถามข้อมูล, และนัดคิว ซึ่งมีช่วงเวลาที่คนนิยมทำแตกต่างกันไป ผมมีคำแนะนำดังนี้ครับ
ควรใช้ “งบประมาณต่อวัน” (Daily Budget) เมื่อ
- ช่วงเริ่มต้น หรือช่วงทดสอบ (Testing Phase)
- วัตถุประสงค์: เพื่อทดลองว่ารูปภาพ/วิดีโอไหน (เช่น รีวิว, Before & After), ข้อความโฆษณาแบบไหน (เช่น เน้นโปรฯ, เน้นแก้ปัญหา), หรือกลุ่มเป้าหมายไหน (เช่น สนใจเลเซอร์, สนใจฟิลเลอร์) ได้ผลดีที่สุด
- ทำไมต้องใช้: เพราะคุณสามารถเปิด-ปิด หรือปรับงบแต่ละชุดโฆษณา (Ad Set) ได้ง่ายๆ โดยไม่กระทบภาพรวม ทำให้หา “ผู้ชนะ” ได้เร็วและใช้งบไม่เยอะ
- แคมเปญที่รันตลอดเพื่อสร้างการรับรู้ (Always-on Brand Awareness)
- วัตถุประสงค์: ยิงแอดเพื่อให้คนเห็นแบรนด์คลินิกของคุณตลอดเวลา, ให้ความรู้เรื่องความงาม, หรือโปรโมทบริการหลักแบบไม่มีโปรโมชั่น
- ทำไมต้องใช้: เพราะควบคุมงบประมาณรายวันให้คงที่ได้ ทำให้การแสดงผลของโฆษณาสม่ำเสมอ
ควรใช้ “งบประมาณตลอดอายุ” (Lifetime Budget) เมื่อ
- ยิงแอดโปรโมชั่นที่มีระยะเวลาจำกัด (Hot Promotion!)
- วัตถุประสงค์: โปรโมชั่นเดือนเกิด, โปรฯ 9.9, โปรฯ เปิดตัวเครื่องมือใหม่ ที่มีวันเริ่มต้น-สิ้นสุดชัดเจน
- ทำไมต้องใช้: คุณสามารถตั้งงบก้อนเดียวแล้วปล่อยให้ Facebook จัดการได้เลย ระบบจะเร่งใช้งบในวันที่คนสนใจเยอะๆ เพื่อให้ได้ยอดจองหรือทักแชทมากที่สุดภายในระยะเวลาโปรโมชั่น
- ต้องการเจาะจงช่วงเวลาที่ลูกค้ามีแนวโน้มจะทักสูง (สำคัญมาก!)
- วัตถุประสงค์: หากคุณวิเคราะห์แล้วว่าลูกค้ามักจะทักแชทเข้ามาสอบถามโปรแกรมต่างๆ ในช่วง 18:00 – 23:00 น. ของวันทำงาน หรือ ช่วงบ่ายวันเสาร์-อาทิตย์
- ทำไมต้องใช้: Lifetime Budget เป็นวิธีเดียวที่ให้คุณตั้งค่า Ad Scheduling ได้ คุณสามารถสั่งให้โฆษณาแสดงผลและใช้งบหนักๆ ในช่วงเวลาทองเหล่านี้ และปิดโฆษณาในช่วงเวลาที่ไม่สำคัญ เช่น ดึกๆ หรือเช้าตรู่ ซึ่งช่วยให้งบประมาณทุกบาทถูกใช้ไปกับช่วงเวลาที่มีโอกาสปิดการขายได้สูงที่สุด
คำแนะนำ (Action Plan)
สำหรับคลินิกความงาม กลยุทธ์ที่ดีที่สุดคือการใช้ทั้งสองแบบผสมกันครับ
- Step 1: Test (ทดสอบ)
- ใช้ Daily Budget สร้างแคมเปญเพื่อทดสอบ (A/B Testing) รูปภาพ, ข้อความ และกลุ่มเป้าหมายต่างๆ โดยใช้งบไม่สูงมาก (เช่น ชุดโฆษณาละ 100-300 บาท/วัน)
- รันประมาณ 3-5 วันเพื่อหาว่าชุดโฆษณาไหนมี ต้นทุนต่อการทัก (Cost per Message) หรือ ต้นทุนต่อการลงทะเบียน (Cost per Lead) ต่ำที่สุด
- Step 2: Scale (ขยายผล)
- เมื่อเจอชุดโฆษณาที่ “ชนะ” แล้ว ให้เอาชุดโฆษณานั้นมาสร้างแคมเปญใหม่
- ตั้งค่าแคมเปญนี้เป็น Lifetime Budget พร้อมกำหนดวันสิ้นสุดที่ชัดเจน (เช่น รัน 15 วัน)
- เปิดใช้ Ad Scheduling ตั้งค่าให้โฆษณาแสดงหนักๆ ในช่วงเวลาที่คนน่าจะทักเข้ามามากที่สุด
- อัดฉีดงบประมาณก้อนใหญ่ในแคมเปญนี้เพื่อกวาดลีดหรือยอดจองให้ได้มากที่สุด
วิธีนี้จะทำให้คุณได้ประสิทธิภาพสูงสุด คือได้ทดลองจนเจอสิ่งที่ใช่ก่อน (ด้วย Daily) แล้วค่อยขยายผลเพื่อสร้างยอดขายจริงในช่วงเวลาที่ดีที่สุด (ด้วย Lifetime + Ad Scheduling) ครับ