แชทผี ในเพจคลินิกความงาม เกิดจากอะไร จะแก้ยังไง

คำว่า “แชทผี” มักถูกใช้เรียกกรณีที่มีลูกค้าทักมาในแชท แต่ไม่ได้มีการสื่อสารต่อ หรือไม่สามารถปิดการขายได้ ซึ่งสาเหตุหลักที่พบในเพจความงามนั้น มักจะประกอบด้วย 3 กลุ่มดังนี้

  1. สแปม เกิดจากการตั้งใจของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง ส่วนมากเน้นเพื่อให้กดลิ้งค์ ล่อลวงไปทำอย่างอื่นต่อ
  2. ระบบอัตโนมัติของการยิงแอดพามา คนจริง แต่ไม่ได้ตั้งใจจะทัก ไม่ได้กดพิมพ์เองด้วยซ้ำ คุณจึงพบข้อความอย่าง “สวัสดีค่ะ สนใจค่ะ” คนเหล่านี้ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากดอะไร
  3. คนจริง สนใจแค่ชั่ววูบ อารมณ์บันดาลใจให้อยากกดมา แต่ไม่อยากคุย ยังไม่ตัดสินใจ (หรือเปลี่ยนใจระหว่างทาง) บลาๆๆ

วิธีการแก้ เป็นการแก้เชิงเทคนิคในระบบ Ads Management ของผู้ดูแลการยิงแอดโฆษณาเป็นหลักเลย ไปติดตามรายละเอียดกันค่ะ

จูนนี่ - ฝ่ายวางแผนงานขาย


แชทผี คลินิกความงาม คืออะไร แก้ยังไง

เราสามารถ ลดโอกาสการยิงแอดไปหากลุ่ม “แชทผี” หรือพยายามหลีกเลี่ยงลูกค้ากลุ่มที่ไม่มีตัวตนจริงในแคมเปญภายหน้าได้ โดยใช้เทคนิคการตั้งค่าโฆษณาและการปรับกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งช่วยให้ได้ลูกค้าที่มีความสนใจจริงมากขึ้น

1. ใช้ Facebook Custom Audiences แยกกลุ่มเป้าหมายจากลูกค้าเดิมที่ “มีตัวตนจริง”

  • วิธีทำ:
    • เข้าไปที่ Facebook Ads Manager แล้วสร้าง Custom Audience โดยอัปโหลดฐานข้อมูลลูกค้าจริง (อีเมล เบอร์โทร หรือชื่อ Facebook ที่เคยซื้อหรือสนทนาจริงๆ)
    • เลือก Lookalike Audience เพื่อให้ระบบหาลูกค้าที่มีพฤติกรรมคล้ายกันกับลูกค้าเดิมที่พร้อมซื้อบริการ หรือที่เคยโต้ตอบจริง แทนการปรับใช้กลุ่มเป้าหมายใหม่แบบคร่าวๆ
  • ผลลัพธ์ที่ได้:
    ลูกค้าใหม่ที่ระบบเลือกให้นี้มักจะเป็นลูกค้าที่มีแนวโน้มสนใจและคุยต่อในแชทจริง ลดโอกาสเจอแชทผีหรือคนที่แค่ทดลองกดดู

2. กำจัด “แชทผี” ด้วยการใช้การ Exclude (ยกเว้นกลุ่มเป้าหมาย)

  • วิธีทำ:
    • สร้างกลุ่ม Audience (Audience Insights) จากแอดก่อนหน้า โดยระบุตั้งค่าเฉพาะคนที่ทักมา แต่ไม่มีปฏิสัมพันธ์ใดๆ เพิ่มเติมเลย (เช่น ไม่กดเปิดอ่านต่อ หรือไม่มีการโต้ตอบ)
    • ระหว่างตั้งค่าแคมเปญใหม่ ให้เลือกกลุ่ม Exclude Audience นี้ออก เพื่อไม่ให้โฆษณาไปยิงหาพวกเขาอีกในอนาคต
  • จุดควรระวัง:
    แม้วิธียกเว้นกลุ่มนี้จะลดปัญหาแชทผีได้ แต่ระวังอย่าตัดคนที่เงียบ เพราะยังลังเล/รอโปรโมชันใหม่ เพราะพวกเขาอาจกลับมาซื้อในอนาคต

3. เลือกกลุ่มเป้าหมาย (Targeting) ให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น

  • ใช้ข้อมูลเชิงลึกของธุรกิจ (Audience Insights) เพื่อหารูปแบบลูกค้าเฉพาะ เช่น
    • เพศ: ผู้หญิงที่อายุ 25-40 ปี
    • ความสนใจเฉพาะ: กลุ่มคนที่เคยสนใจคลินิก, บริการเสริมความงาม, สกินแคร์ระดับกลาง-สูง
    • พฤติกรรม: คนที่มีกิจกรรมในเพจเกี่ยวกับสุขภาพและความงาม หรือเคยมีประวัติการซื้อผ่าน Facebook
  • กำจัดเป้าหมายกว้างเกินไป:
    อย่ายิงไปยังกลุ่มที่สนใจแค่ “ลดน้ำหนัก” หรือ “สินค้าเพื่อความงาม” ทั่วๆ ไป เพราะมักจะเจอคนที่ไม่มีความพร้อมที่จะซื้อบริการราคาแพง

4. ใช้ Landing Page แบบสอบถามเพื่อคัดกรองก่อนทักแชท

  • ตั้งหน้าลงทะเบียนหรือฟอร์มสอบถามง่ายๆ (Google Form หรือ Facebook Lead Ads) ที่ให้ลูกค้าใส่ข้อมูลเบื้องต้น เช่น ชื่อ เบอร์โทร ความสนใจ
  • ใช้ฟอร์มนี้ในการดึงลูกค้าที่ตั้งใจจริง อยากได้บริการจริงๆ โดยเฉพาะ เช่นคนที่สนใจแพ็กเกจเฉพาะหรือโปรโมชั่นแรงๆ
  • สำหรับ “ลูกค้าแชทผี” พอมีขั้นตอนต้องกรอกข้อมูลเพิ่ม พวกเขามักจะหายไปเองก่อนจะทักแชท

5. ติดตามผลและปรับแคมเปญต่อเนื่องหลังการยิงแอด

  • วิเคราะห์กลุ่ม “แชทผี” จากแคมเปญที่ผ่านมาว่า กลุ่มเป้าหมายไหนมีส่วนสร้างปัญหามากที่สุด เช่น
    • ช่วงเวลายิงแอด (กลางคืนเยอะกว่ากลางวันหรือไม่?)
    • พื้นที่หรือโลเคชันที่ไม่ได้ผล
  • ใช้ข้อมูลนี้สร้างแคมเปญใหม่โดยลดแหล่งที่ให้ผลลัพธ์ต่ำ

สรุป: วิธีคัดกรองและลดแชทผีในอนาคต

  1. ใช้ Custom และ Lookalike Audience: อ้างอิงจากลูกค้าที่สนใจจริงในอดีต เพื่อยิงโฆษณาที่แม่นยำขึ้น
  2. Exclude Audience: กำจัดกลุ่มคนที่เคยทักแล้วหายหรือไม่มีปฏิสัมพันธ์ออกจากเป้าหมายใหม่
  3. ตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายให้เจาะจง: ยิงโฆษณาไปยังกลุ่มที่สนใจธุรกิจคลินิกความงามจริงๆ
  4. ใช้ Landing Page/ฟอร์มสอบถามเพิ่ม: เพื่อคัดแยกคนที่ตั้งใจจากคนที่ทักเพราะข้อความอัตโนมัติ
  5. วิเคราะห์และปรับแต่งแคมเปญ: ใช้ข้อมูลจริงมาช่วยตัดสินใจปรับแผนการยิงแอดอย่างต่อเนื่อง

วิธีเหล่านี้อาจไม่ทำให้ปัญหา “แชทผี” หายไป 100% แต่ถ้าดำเนินการอย่างเป็นระบบ รับรองว่าจะลดปัญหาได้ไม่ต่ำกว่า 50-70% ในแคมเปญต่อไป และช่วยให้คุณโฟกัสกับลูกค้าที่พร้อมคุยและพร้อมจ่ายมากขึ้นแน่นอนค่ะ!


เรื่องนี้ตอบยาวเลยนะครับ เพราะในยุคที่การแข่งขันในธุรกิจคลินิกความงามสูงขึ้น กลยุทธ์แจกบริการหรือสินค้าฟรี เช่น การวิเคราะห์ผิว เทสเตอร์ครีม หรือทรีทเมนท์ฟรี เริ่มได้ผลน้อยลง เพราะลูกค้าเริ่มไม่ตื่นเต้น ไม่เชื่อมั่น หรือบางคนรู้สึกว่าเป็นแค่มุกการตลาด โดยเฉพาะหากคลินิกนั้นให้ของฟรีแต่คุณภาพต่ำหรือไม่จริงใจกับลูกค้า แต่ถ้าคลินิกไหนกล้าให้ของดีฟรีจริงและมีความจริงใจในการบริการ สิ่งนี้จะสร้างความแตกต่างและคว้าใจลูกค้าได้อย่างยั่งยืน

อ่านต่อ

ตอนนี้เวลาออกแบบ Cover Facebook Page เราต้องคำนึงถึง ขอบภาพและ Safe Zone เป็นหลัก เพื่อให้เนื้อหาหลักแสดงผลได้ครบถ้วนบนทุกอุปกรณ์ อย่างบนเดสก์ท็อป ภาพจะถูกแสดงที่ขนาด 820 x 312 px ส่วนบนมือถือจะขยายเป็น 640 x 360 px ซึ่งพื้นที่ Safe Zone หรือ “พื้นที่ปลอดภัย” คือบริเวณตรงกลางภาพที่ขนาด 820 x 360 px เราควรเน้นวาง ข้อความสำคัญ หรือองค์ประกอบหลักให้อยู่ในโซนนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ขอบภาพถูกตัดเมื่อต่างอุปกรณ์แสดงผล และเพื่อคุณภาพสูงสุด ควรใช้ไฟล์ขนาดใหญ่กว่า เช่น 851 x 315 px ในการอัปโหลดครับ

อ่านต่อ

ตอบตามที่เห็นมาตลอด 12 ปี ของตลาดความงาม คือมันทั้งจริง และไม่จริงครับ

จริง เพราะ (ในอดีต) ยุคก่อนที่การแข่งขันยังไม่สูงเท่าปัจจุบัน และคู่แข่งอาจจะยังไม่ได้เน้นการตลาดมากนัก คลินิกที่มีสินค้าและบริการดีจริงๆ อาจจะอยู่ได้ด้วยคุณภาพและการบอกต่อของลูกค้าเป็นหลัก ทำให้ดูเหมือนว่าไม่ต้องพึ่งพาการโฆษณามากนัก ต่างคนต่างมีย่าน มีโซน แบ่งลูกค้าชัดเจน

ไม่จริง สำหรับยุคนี้ ตอนนี้ ที่มีคลินิกเปิดใหม่มากมาย การแข่งขันสูงมาก และทุกคนเข้าถึงเครื่องมือการตลาดได้ง่ายขึ้น การมีแค่สินค้าดี บริการดี อย่างเดียวไม่เพียงพอจริงๆ ครับ จำเป็นต้อง “บอก” ให้ลูกค้ารู้ “หา” ตลาดที่ใช่ และ “ทำ” การตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ได้ ซึ่งก็คือการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ นั่นเอง ออนไลน์ ออฟไลน์ ไม่ใช่สิ่งที่ต้องเลือกอีกต่อไป มันคือไม่ทำไม่ได้เลยต่างหากครับ

อ่านต่อ

ให้คำแนะนำได้ครับ ทีมการตลาดที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจคลินิกไม่ได้มีรูปแบบตายตัว ต้องพิจารณาจากขนาดขององค์กร จำนวนสาขา และเป้าหมายทางธุรกิจ เช่น การเพิ่มยอดขาย การสร้างแบรนด์ หรือการขยายฐานลูกค้า ตำแหน่งในทีมสามารถปรับได้ให้เหมาะสมกับงบประมาณและทรัพยากรที่มี หากเป็นคลินิกขนาดเล็กถึงปานกลาง ควรเลือกทีมที่มีความสามารถหลากหลายในแต่ละตำแหน่ง เพื่อลดจำนวนคน แต่ยังคงฟังก์ชันหลักของการตลาด

สำหรับคลินิกที่มี 1-3 สาขา ทีมที่แนะนำควรมี 4 ตำแหน่งหลัก ได้แก่ Marketing Strategist ที่วางแผนการตลาดและดูแลการยิงโฆษณา, Content Specialist ที่สร้างคอนเทนต์และผลิตงานวิดีโอ, Design Specialist ที่ดูแลงานกราฟิก และ Influencer & Partnership Manager ที่บริหารความร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์และพาร์ทเนอร์ ทีมขนาดนี้ช่วยให้ครอบคลุมทุกงานสำคัญ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและคล่องตัว เหมาะสำหรับการเริ่มต้นสร้างแบรนด์และขยายฐานลูกค้าในระดับท้องถิ่นหรือกลุ่มเป้าหมายเฉพาะต่อไป

อ่านต่อ

เมื่อจะเปิดคลินิกใหม่และต้องตัดสินใจเลือกสีแบรนด์ คุณมีสองแนวทางหลักในการพิจารณา แนวทางแรกคือการเลือกสีโดยอิงกับหลัก จิตวิทยาสี ซึ่งเป็นแนวคิดที่ศึกษาอิทธิพลของสีต่อความรู้สึกของมนุษย์และภาพลักษณ์ของธุรกิจ ตัวอย่างเช่น สีฟ้าและสีเขียวมักใช้ในคลินิกเพราะสื่อถึงความน่าเชื่อถือ ความสงบ และสุขภาพ สีขาวให้ความรู้สึกสะอาดปลอดภัย ส่วนสีชมพูหรือสีม่วงจะเหมาะกับคลินิกความงามเพราะสื่อถึงความอ่อนโยนและมีระดับ การเลือกสีในมิติของจิตวิทยาสี จะช่วยสื่อสารภาพลักษณ์ของคลินิกอย่างตรงจุด และสร้างความเชื่อมั่นในใจลูกค้าได้ง่ายขึ้นตามกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ

อีกแนวทางหนึ่งคือการเลือกสีโดยใช้หลัก “มูเก็ตติ้ง” (Muketing) หรือการพึ่งพาความเชื่อ โหราศาสตร์ และดวงชะตา ซึ่งกำลังเป็นกระแสนิยมในปัจจุบัน หลายธุรกิจเลือกใช้สีตามวันเกิดของเจ้าของ ตามธาตุประจำตัวของดวง หรือดูฤกษ์และศาสตร์ฮวงจุ้ยในการจัดวางสีที่เหมาะสม เช่น สีแดงหรือทอง หากต้องการเสริมด้านโชคลาภ สีเขียวเพื่อเรียกพลังความอุดมสมบูรณ์ หรือสีที่เป็น “สีมงคล” ตามศาสตร์ความเชื่อเพื่อดึงดูดลูกค้า วิธีนี้ไม่เพียงแต่สร้างเอกลักษณ์ให้แบรนด์ แต่ยังให้เจ้าของธุรกิจมั่นใจว่าคลินิกจะเริ่มต้นด้วยพลังบวกตามความเชื่อส่วนตัว ดังนั้นการตัดสินใจระหว่าง ความเป็นระบบ (จิตวิทยา) หรือความเชื่อแบบ มูเตลู (มูเก็ตติ้ง) ก็ขึ้นอยู่กับวิธีที่คุณรู้สึกว่าเหมาะสมสำหรับแบรนด์และตัวคุณมากที่สุด

อ่านต่อ

ได้ครับ ถ้าอยากได้คลิปครั้งเดียวที่ใช้ได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน ทำได้ครับ ถ่ายให้เฟรมกว้างหน่อย และจัดองค์ประกอบให้หมออยู่ตรงกลางเฟรม จะได้ครอบวิดีโอออกมาได้ทั้งสองแบบโดยภาพยังดูโอเค หรืออีกวิธีคือใช้กล้องที่ถ่ายแบบความละเอียดสูง (4K ขึ้นไป) เผื่อเวลาตัดต่อจะได้คุณภาพภาพที่ยังชัดอยู่

แต่ถ้าคุณหมออยากได้งานสวยที่สุดจริง ๆ ผมแนะนำว่าถ่ายแยกอันหนึ่งแนวตั้ง อันหนึ่งแนวนอนจะดีกว่าครับ จะได้คลิปที่เหมาะกับแต่ละแพลตฟอร์มเป๊ะ ๆ ไม่ต้องกังวลว่าเฟรมมันจะดูแปลก ครับ เพราะบางครั้ง เมื่อมีการขยับ ตัวจะดูแน่นเฟรมเกินไป โดยเฉพาะคุณหมอที่มีความกังวลกับรูปร่างตัวเองเป็นพิเศษ

อ่านต่อ

Home»FAQ»แชทผี ในเพจคลินิกความงาม เกิดจากอะไร จะแก้ยังไง