
ทำไม Block Rate ถึงสูงแซงหน้ายอด Follower?
- การตลาดมักทำแคมเปญดึงดูด “นักล่าของฟรี” (The Hunters) การทำแคมเปญประเภท “แอดไลน์รับฟรี” หรือแจกของรางวัลมูลค่าสูงบ่อยๆ มันเหมือนการหว่านอาหารเพื่อล่อปลาครับ เราจะได้คนเข้ามาเยอะและเร็วมาก แต่คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจในบริการหรือตัวตนของคลินิกเราจริงๆ ครับ เค้าสนใจแค่ “ของฟรี” หรือของถูก พอได้ของตามเป้าหมายแล้ว เค้าก็ไม่ลังเลที่จะบล็อกเราทันที เพราะข้อความหลังจากนั้นจากเราถือเป็น “สแปม” ในสายตาเขา คิดว่าจะต่อยอดการขายได้เมื่อเขามารับบริการ ก็ทำได้ไม่ดีพอ เพราะเป้าประสงค์ของเขาคือของฟรีแต่แรก กำลังซื้อก็ไม่ถึงด้วย
- การสื่อสารที่ไม่ตรงจุด (Irrelevant Content) เมื่อใน LINE OA ของเราเต็มไปด้วยคนหลากหลายกลุ่ม ทั้งนักล่าของฟรี, ลูกค้าเก่า, และคนที่สนใจจริงๆ การที่เรา Broadcast โปรโมชั่นหรือข้อมูลแบบ “หว่านแห” ส่งหาทุกคนเหมือนกันหมด มันจะสร้างความรำคาญให้คนที่ไม่สนใจครับ เช่น ส่งโปรฯ ฟิลเลอร์ไปให้คนที่มีปัญหาเรื่องสิว หรือส่งโปรฯ ทรีตเมนต์หน้าใสไปให้คนที่เพิ่งซื้อคอร์สไปเมื่อวาน ผลลัพธ์คือ… Block ครับ แม้ไลน์จะมีฟังก์ชั่นให้ส่งโปรฯ ตามกลุ่มเป้าหมายได้ แต่บางคลินิกก็ไม่ได้ใช้งานเต็มประสิทธิภาพ บางที่ไม่ทราบด้วยซ้ำว่ามีฟังก์ชั่นพวกนี้ให้ใช้งาน
- ความถี่ในการสื่อสารที่มากเกินไป (Too Frequent) คลินิกความงามมักจะมีโปรโมชั่นเยอะ และอยากจะสื่อสารให้ครบทุกอย่าง แต่การส่ง Broadcast ทุกวัน หรือวันละหลายๆ ครั้ง คือการเร่งให้คนบล็อกเราเร็วขึ้นครับ มันทำให้ LINE OA ของเรากลายเป็น “เสียงรบกวน” มากกว่า “ผู้ช่วยด้านความงาม”

ปรับใช้กลยุทธ์ให้ถูกตั้งแต่เริ่มแรก
หยุดหว่านแห แล้วมาโฟกัสที่ ‘ปลาตัวจริง’ (Segmentation)
- Action: เลิกส่ง Broadcast แบบหาทุกคนพร้อมกันครับ แต่ให้แบ่งกลุ่มผู้ติดตาม (Segment) ตามความสนใจหรือพฤติกรรม เช่น
- กลุ่มเพื่อนใหม่: คนที่เพิ่งแอดเข้ามาใน 7 วันแรก
- กลุ่มสนใจเฉพาะทาง: คนที่เคยคลิกดูข้อมูลหรือถามเกี่ยวกับ “สิว”, “ริ้วรอย”, “ยกกระชับ”
- กลุ่มลูกค้าเก่า: คนที่เคยซื้อคอร์ส A, B, C ไปแล้ว
- กลุ่มลูกค้าประจำ (Loyal Customer): คนที่กลับมาซื้อซ้ำๆ
- How: ใช้ฟีเจอร์ “Tag” ในระบบหลังบ้านของ LINE OA สร้างแท็กเหล่านี้ขึ้นมา เวลาจะส่งโปรโมชั่นเกี่ยวกับเลเซอร์ ก็เลือกส่งหาเฉพาะกลุ่มที่ติดแท็กว่า “สนใจเลเซอร์” หรือ “เคยทำเลเซอร์” เท่านั้น วิธีนี้จะลดการส่งข้อความขยะไปหาคนที่ไม่สนใจได้มหาศาล และเพิ่มโอกาสการซื้อได้ตรงจุดกว่าเดิม
เปลี่ยนการ ‘ยัดเยียด’ ให้เป็นการ ‘ให้คุณค่า’ (Value Content Strategy)
- Action: ปรับสัดส่วนคอนเทนต์ครับ จากเดิมที่อาจจะส่งแต่โปรโมชั่น 90% ให้ลองเปลี่ยนเป็น “คอนเทนต์ให้คุณค่า 70% โปรโมชั่น 30%”
- Content Ideas:
- How-to & Tips: “5 วิธีดูแลผิวยังไงหลังทำเลเซอร์”, “กันแดดแบบไหนที่คนเป็นสิวควรใช้”
- Q&A กับคุณหมอ: รวบรวมคำถามที่คนถามบ่อยๆ แล้วให้คุณหมอมาตอบเป็นคลิปสั้นๆ หรือรูปภาพ Infographic
- เบื้องหลังคลินิก (Behind the Scenes): ถ่ายบรรยากาศคลินิก แนะนำพี่ๆ พนักงานให้ลูกค้ารู้สึกผูกพัน
- Case Study / Review: นำรีวิวสวยๆ (ที่ได้รับอนุญาตจากลูกค้าแล้ว) มาให้ดูเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
- Why: คอนเทนต์เหล่านี้ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” ที่พึ่งพาได้ เมื่อเขามีความเชื่อใจ การจะตัดสินใจซื้อบริการกับเราก็ง่ายขึ้นเยอะครับ และที่สำคัญคือ “เขาจะรออ่านข้อความจากเรา”
3. ออกแบบโปรโมชั่นใหม่ ให้ ‘ฉลาด’ กว่าเดิม
- Action: แทนที่จะแจกฟรีให้ทุกคน ลองเปลี่ยนเป็นโปรโมชั่นที่ “มีเงื่อนไข” เพื่อคัดกรองคนจริงๆ
- Welcome Offer: สำหรับเพื่อนใหม่ อาจจะเป็น “ส่วนลด 20% สำหรับบริการแรก” แทนการแจกฟรีไปเลย
- Loyalty Program: ทำโปรโมชั่นพิเศษสำหรับ “ลูกค้าเก่าเท่านั้น” เช่น “ขอบคุณที่ไว้ใจกัน… รับฟรี! มาสก์หน้ามูลค่า 500 บาท เมื่อมาใช้บริการครั้งถัดไป”
- Up-sell & Cross-sell: ส่งโปรโมชั่นที่เกี่ยวเนื่องกับบริการที่ลูกค้าเคยทำ เช่น ลูกค้าที่เคยทำเลเซอร์หน้าใส อาจจะส่งโปรฯ เกี่ยวกับเมโสหน้าใสไปให้ เป็นต้น
4. งัดพลังของ LINE OA มาใช้ให้เต็มที่
- Rich Menu: นี่คือหน้าร้านของเราครับ อย่าปล่อยให้ว่าง! ใส่ปุ่ม “จองคิว”, “ดูโปรโมชั่น”, “สอบถามปัญหาผิว”, “รีวิวลูกค้า” ไว้เลย คนที่สนใจจริงๆ จะกดหาข้อมูลจากตรงนี้เองโดยที่เราไม่ต้อง Broadcast บ่อยๆ
- Greeting Message (ข้อความทักทายเพื่อนใหม่): ปรับปรุงข้อความต้อนรับใหม่ บอกให้ชัดเจนว่าแอดเราแล้วจะได้อะไรบ้าง (เช่น เคล็ดลับดูแลผิว, โปรฯ พิเศษ) และแนะนำให้พวกเขากดดู Rich Menu หรือเพิ่มเพื่อนกับคุณหมอโดยตรง
- LINE VOOM: ใช้เป็นช่องทางสร้าง Awareness เพิ่มเติมด้วยวิดีโอสั้นๆ ให้ความรู้สนุกๆ คล้ายกับ TikTok/Reels เพื่อดึงดูดคนใหม่ๆ ที่มีคุณภาพเข้ามา
ผู้ติดตามเยอะ แต่ไม่สร้างยอดขาย
ถึงแม้ในยุคนี้หลายคลินิกอาจยังโฟกัสที่จำนวนผู้ติดตาม (Follower) เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จ แต่จริงๆ แล้ว ตัวเลขผู้ติดตามที่มาก อาจไม่ได้แปลว่าจะช่วยสร้างยอดขายได้เสมอไปครับ เพราะถ้าฐานผู้ติดตามเต็มไปด้วยผู้ที่ไม่ใช่ลูกค้าจริงๆ หรือคนที่บล็อกเพราะถูกรบกวน ซึ่งจะกลายเป็นภาระและทำให้การสื่อสารไม่เกิดผลลัพธ์ที่ดี จริงๆ แล้วคลินิกที่มีฐานลูกค้าน้อยกว่าแต่เป็นกลุ่มเป้าหมายจริง มีความผูกพัน และพร้อมซื้อบริการมากกว่า ย่อมได้ยอดขายและการเติบโตที่ยั่งยืนกว่าในระยะยาวครับ