โดนลูกค้าในไลน์ Official บล็อคไปเกินครึ่ง ทำยังไงได้บ้าง

ปัญหาหลักที่หลายๆคลินิกกำลังเผชิญคือ กลยุทธ์การตลาดบน LINE ของเรากำลังดึงดูด “นักล่าของฟรี” เข้ามาเป็นจำนวนมากแทนที่จะเป็น “ลูกค้าตัวจริง” ครับ คนเหล่านี้แอดไลน์เข้ามาเพื่อรับของฟรี พอได้ของแล้วก็บล็อกทันที ประกอบกับการที่เราส่งข้อความโปรโมชั่นแบบหว่านหาทุกคนมากเกินไป ทำให้ผู้ติดตามที่อาจจะไม่ได้สนใจจริงๆ รู้สึกรำคาญและกดบล็อกตามไปด้วย ผลลัพธ์คือเราได้ฐานผู้ติดตามที่เยอะแต่ไม่มีคุณภาพ ยอดบล็อกจึงสูงกว่ายอดผู้ติดตามใหม่ และทำให้การตลาดของเราไม่เกิดผลลัพธ์ทางธุรกิจอย่างที่ควรจะเป็นครับ

สำหรับแนวทางการแก้ไขและแผนการตลาดเพื่อเปลี่ยนผู้ติดตามให้เป็นลูกค้าตัวจริง สามารถดูรายละเอียดฉบับเต็มด้านล่างนี้ได้เลยครับ

กีตาร์ - ฝ่ายกลยุทธ์


โดนลูกค้าในไลน์ Official บล็อคไปเกินครึ่ง ทำยังไงได้บ้าง

ทำไม Block Rate ถึงสูงแซงหน้ายอด Follower?

  1. การตลาดมักทำแคมเปญดึงดูด “นักล่าของฟรี” (The Hunters) การทำแคมเปญประเภท “แอดไลน์รับฟรี” หรือแจกของรางวัลมูลค่าสูงบ่อยๆ มันเหมือนการหว่านอาหารเพื่อล่อปลาครับ เราจะได้คนเข้ามาเยอะและเร็วมาก แต่คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจในบริการหรือตัวตนของคลินิกเราจริงๆ ครับ เค้าสนใจแค่ “ของฟรี” หรือของถูก พอได้ของตามเป้าหมายแล้ว เค้าก็ไม่ลังเลที่จะบล็อกเราทันที เพราะข้อความหลังจากนั้นจากเราถือเป็น “สแปม” ในสายตาเขา คิดว่าจะต่อยอดการขายได้เมื่อเขามารับบริการ ก็ทำได้ไม่ดีพอ เพราะเป้าประสงค์ของเขาคือของฟรีแต่แรก กำลังซื้อก็ไม่ถึงด้วย
  2. การสื่อสารที่ไม่ตรงจุด (Irrelevant Content) เมื่อใน LINE OA ของเราเต็มไปด้วยคนหลากหลายกลุ่ม ทั้งนักล่าของฟรี, ลูกค้าเก่า, และคนที่สนใจจริงๆ การที่เรา Broadcast โปรโมชั่นหรือข้อมูลแบบ “หว่านแห” ส่งหาทุกคนเหมือนกันหมด มันจะสร้างความรำคาญให้คนที่ไม่สนใจครับ เช่น ส่งโปรฯ ฟิลเลอร์ไปให้คนที่มีปัญหาเรื่องสิว หรือส่งโปรฯ ทรีตเมนต์หน้าใสไปให้คนที่เพิ่งซื้อคอร์สไปเมื่อวาน ผลลัพธ์คือ… Block ครับ แม้ไลน์จะมีฟังก์ชั่นให้ส่งโปรฯ ตามกลุ่มเป้าหมายได้ แต่บางคลินิกก็ไม่ได้ใช้งานเต็มประสิทธิภาพ บางที่ไม่ทราบด้วยซ้ำว่ามีฟังก์ชั่นพวกนี้ให้ใช้งาน
  3. ความถี่ในการสื่อสารที่มากเกินไป (Too Frequent) คลินิกความงามมักจะมีโปรโมชั่นเยอะ และอยากจะสื่อสารให้ครบทุกอย่าง แต่การส่ง Broadcast ทุกวัน หรือวันละหลายๆ ครั้ง คือการเร่งให้คนบล็อกเราเร็วขึ้นครับ มันทำให้ LINE OA ของเรากลายเป็น “เสียงรบกวน” มากกว่า “ผู้ช่วยด้านความงาม”
AW Guideline 05 Thai

ปรับใช้กลยุทธ์ให้ถูกตั้งแต่เริ่มแรก

หยุดหว่านแห แล้วมาโฟกัสที่ ‘ปลาตัวจริง’ (Segmentation)

  • Action: เลิกส่ง Broadcast แบบหาทุกคนพร้อมกันครับ แต่ให้แบ่งกลุ่มผู้ติดตาม (Segment) ตามความสนใจหรือพฤติกรรม เช่น
    • กลุ่มเพื่อนใหม่: คนที่เพิ่งแอดเข้ามาใน 7 วันแรก
    • กลุ่มสนใจเฉพาะทาง: คนที่เคยคลิกดูข้อมูลหรือถามเกี่ยวกับ “สิว”, “ริ้วรอย”, “ยกกระชับ”
    • กลุ่มลูกค้าเก่า: คนที่เคยซื้อคอร์ส A, B, C ไปแล้ว
    • กลุ่มลูกค้าประจำ (Loyal Customer): คนที่กลับมาซื้อซ้ำๆ
  • How: ใช้ฟีเจอร์ “Tag” ในระบบหลังบ้านของ LINE OA สร้างแท็กเหล่านี้ขึ้นมา เวลาจะส่งโปรโมชั่นเกี่ยวกับเลเซอร์ ก็เลือกส่งหาเฉพาะกลุ่มที่ติดแท็กว่า “สนใจเลเซอร์” หรือ “เคยทำเลเซอร์” เท่านั้น วิธีนี้จะลดการส่งข้อความขยะไปหาคนที่ไม่สนใจได้มหาศาล และเพิ่มโอกาสการซื้อได้ตรงจุดกว่าเดิม

เปลี่ยนการ ‘ยัดเยียด’ ให้เป็นการ ‘ให้คุณค่า’ (Value Content Strategy)

  • Action: ปรับสัดส่วนคอนเทนต์ครับ จากเดิมที่อาจจะส่งแต่โปรโมชั่น 90% ให้ลองเปลี่ยนเป็น “คอนเทนต์ให้คุณค่า 70% โปรโมชั่น 30%”
  • Content Ideas:
    • How-to & Tips: “5 วิธีดูแลผิวยังไงหลังทำเลเซอร์”, “กันแดดแบบไหนที่คนเป็นสิวควรใช้”
    • Q&A กับคุณหมอ: รวบรวมคำถามที่คนถามบ่อยๆ แล้วให้คุณหมอมาตอบเป็นคลิปสั้นๆ หรือรูปภาพ Infographic
    • เบื้องหลังคลินิก (Behind the Scenes): ถ่ายบรรยากาศคลินิก แนะนำพี่ๆ พนักงานให้ลูกค้ารู้สึกผูกพัน
    • Case Study / Review: นำรีวิวสวยๆ (ที่ได้รับอนุญาตจากลูกค้าแล้ว) มาให้ดูเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
  • Why: คอนเทนต์เหล่านี้ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” ที่พึ่งพาได้ เมื่อเขามีความเชื่อใจ การจะตัดสินใจซื้อบริการกับเราก็ง่ายขึ้นเยอะครับ และที่สำคัญคือ “เขาจะรออ่านข้อความจากเรา”

3. ออกแบบโปรโมชั่นใหม่ ให้ ‘ฉลาด’ กว่าเดิม

  • Action: แทนที่จะแจกฟรีให้ทุกคน ลองเปลี่ยนเป็นโปรโมชั่นที่ “มีเงื่อนไข” เพื่อคัดกรองคนจริงๆ
    • Welcome Offer: สำหรับเพื่อนใหม่ อาจจะเป็น “ส่วนลด 20% สำหรับบริการแรก” แทนการแจกฟรีไปเลย
    • Loyalty Program: ทำโปรโมชั่นพิเศษสำหรับ “ลูกค้าเก่าเท่านั้น” เช่น “ขอบคุณที่ไว้ใจกัน… รับฟรี! มาสก์หน้ามูลค่า 500 บาท เมื่อมาใช้บริการครั้งถัดไป”
    • Up-sell & Cross-sell: ส่งโปรโมชั่นที่เกี่ยวเนื่องกับบริการที่ลูกค้าเคยทำ เช่น ลูกค้าที่เคยทำเลเซอร์หน้าใส อาจจะส่งโปรฯ เกี่ยวกับเมโสหน้าใสไปให้ เป็นต้น

4. งัดพลังของ LINE OA มาใช้ให้เต็มที่

  • Rich Menu: นี่คือหน้าร้านของเราครับ อย่าปล่อยให้ว่าง! ใส่ปุ่ม “จองคิว”, “ดูโปรโมชั่น”, “สอบถามปัญหาผิว”, “รีวิวลูกค้า” ไว้เลย คนที่สนใจจริงๆ จะกดหาข้อมูลจากตรงนี้เองโดยที่เราไม่ต้อง Broadcast บ่อยๆ
  • Greeting Message (ข้อความทักทายเพื่อนใหม่): ปรับปรุงข้อความต้อนรับใหม่ บอกให้ชัดเจนว่าแอดเราแล้วจะได้อะไรบ้าง (เช่น เคล็ดลับดูแลผิว, โปรฯ พิเศษ) และแนะนำให้พวกเขากดดู Rich Menu หรือเพิ่มเพื่อนกับคุณหมอโดยตรง
  • LINE VOOM: ใช้เป็นช่องทางสร้าง Awareness เพิ่มเติมด้วยวิดีโอสั้นๆ ให้ความรู้สนุกๆ คล้ายกับ TikTok/Reels เพื่อดึงดูดคนใหม่ๆ ที่มีคุณภาพเข้ามา

ผู้ติดตามเยอะ แต่ไม่สร้างยอดขาย

ถึงแม้ในยุคนี้หลายคลินิกอาจยังโฟกัสที่จำนวนผู้ติดตาม (Follower) เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จ แต่จริงๆ แล้ว ตัวเลขผู้ติดตามที่มาก อาจไม่ได้แปลว่าจะช่วยสร้างยอดขายได้เสมอไปครับ เพราะถ้าฐานผู้ติดตามเต็มไปด้วยผู้ที่ไม่ใช่ลูกค้าจริงๆ หรือคนที่บล็อกเพราะถูกรบกวน ซึ่งจะกลายเป็นภาระและทำให้การสื่อสารไม่เกิดผลลัพธ์ที่ดี จริงๆ แล้วคลินิกที่มีฐานลูกค้าน้อยกว่าแต่เป็นกลุ่มเป้าหมายจริง มีความผูกพัน และพร้อมซื้อบริการมากกว่า ย่อมได้ยอดขายและการเติบโตที่ยั่งยืนกว่าในระยะยาวครับ


จ่ายเงินเดือนให้แล้ว ทำไมพนักงานขายยังไม่กระตือรือร้น? ให้ค่าคอม 1% ก็ไม่แย่นะ แต่ทำไมพนักงานยังไม่ค่อยจะดันยอดกันเท่าไหร่? หลายคลินิกเจอปัญหานี้เหมือนกันค่ะ เพราะคอมมิชชันแบบแบนๆ ต่อให้เปอร์เซ็นต์ดูสูง แต่ถ้าเป้าหมายยอดขายเพิ่มขึ้น ผลตอบแทนกลับเพิ่มไม่มากเท่าแรงที่ต้องทุ่ม ทำให้หลายคนรู้สึกว่าสู้ตายไปก็ได้เงินเพิ่มไม่คุ้มค่าความเหนื่อย

ลองเปลี่ยนวิธีคิดดูนะคะ จ่ายอินเซนทีฟแบบขั้นบันได — พอยอดขายเพิ่มถึงแต่ละขั้น ก็ได้เปอร์เซ็นต์หรือโบนัสเพิ่มอีก หรือมีรางวัลสำหรับคนที่ทำลายสถิติเดิม แบบนี้ทีมจะตื่นตัว อยากดันยอด และเห็นชัดว่าความพยายามตอบแทนคุ้มกว่าเดิม สุดท้ายแล้วคลินิกก็ได้ยอดขายที่ทะลุเป้าหมาย ทีมขายก็ภูมิใจและมีกำลังใจทุกเดือน ถ้าอยากรู้วิธีออกแบบโปรแกรมกระตุ้นทีมขายให้เวิร์กจริง อ่านต่อในบทความนี้ได้นะคะ!

อ่านต่อ

Google Business Profile คือจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด ใช้เวลาแค่ 2-3 ชั่วโมง แต่ได้ผลทันที
ที่สำคัญ – มันฟรี และเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับธุรกิจใหม่

ผมเห็นหลายร้านเล็บ สปาเวียดนาม คลินิกเน้นราคาคุ้มค่า ทำแค่ขั้นตอนนี้ในเดือนแรก แล้วรีบไปยิงโฆษณา Facebook/Google Ads เพิ่ม ผลก็คือโทรศัพท์ดังไม่หยุด รับไม่วหาด! เพราะลูกค้าเห็นใน Google Maps ว่ามี “หน้าร้านจริงๆ” แผนที่ชัดเจน ข้อมูลครบถ้วน ดูเหมือนธุรกิจที่มีมาตรฐาน แม้จะเพิ่งเปิด 1-2 สัปดาห์ก็ตาม ความน่าเชื่อถือนี่แหละที่ทำให้ลูกค้ากล้าโทรมาถาม

ส่วนกุญแจสำคัญคือ “อย่าไปขัดกับ Google” เวลา Google ขอข้อมูลอะไร ขอรูปภาพ ขอยืนยันที่อยู่ ขอเบอร์โทรศัพท์ ให้ไปตามนั้นครบทุกอย่าง อย่าข้าม อย่าเว้น อย่าใส่ข้อมูลปลอม เพราะ Google รู้ทันที และจะลงโทษด้วยการไม่แสดงผลค้นหา หรือแสดงแต่อันดับต่ำๆ ยิ่งถ้ากรอกข้อมูลครบ 90% ขึ้นไป Google จะยิ่งชอบ ยิ่งแนะนำให้ลูกค้าเจอง่ายขึ้น

อ่านต่อ

แน่นอนครับ! เว็บไซต์ที่เราออกแบบและพัฒนาให้ลูกค้า ทุกประเภท—ไม่ว่าจะเป็นเว็บองค์กร, คลินิก, สปา, หรือร้านค้าออนไลน์—มีระบบป้องกันการ Hack รวมอยู่ในบริการเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม

เราให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอันดับต้นๆ ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ พัฒนา ไปจนถึงส่งมอบ

  • ใช้มาตรฐานป้องกันภัยคุกคาม เช่น SSL, ระบบกรองสแปม, ป้องกัน Bruteforce, Firewall และระบบอัปเดตความปลอดภัย
  • ดูแลตั้งค่าความปลอดภัยให้ครบถ้วนตั้งแต่ต้น
  • มีทีมงานตรวจสอบและแนะนำวิธีใช้งานอย่างปลอดภัย
  • การสำรองข้อมูล (Backup)

รวมถึงมาตรการความปลอดภัยแบบ 2 ชั้น (Two-factor Authentication หรือ 2FA) ในบางกรณีหรือเว็บไซต์ที่ต้องการระดับความปลอดภัยสูง เช่น เว็บไซต์ที่มีระบบสมาชิก, ระบบหลังบ้านที่มีข้อมูลสำคัญ หรือเว็บไซต์ที่เป็นเป้าหมายในการโจมตีบ่อย เราสามารถติดตั้ง/ตั้งค่าระบบยืนยันตัวตนแบบ 2 ชั้นให้ได้เช่นกัน แต่อาจต้องประเมินและเลือกใช้ให้เหมาะกับรูปแบบเว็บไซต์และการใช้งานของแต่ละธุรกิจด้วยครับ

อ่านต่อ

ในทางทฤษฎี อาจดูเหมือนว่าผู้ใช้สามารถรอเว็บไซต์โหลดได้ 2-3 วินาที แต่ในทางปฏิบัติจริง ผมพบว่าคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยอดทนรอขนาดนั้น โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าคลินิกความงามที่คาดหวังประสบการณ์ที่รวดเร็วและมืออาชีพ หากเว็บโหลดช้ากว่า 1 วินาที ความสนใจของผู้ใช้จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด จึงสรุปได้ว่าตัวเลข “1 วินาที” คือเป้าหมายที่ควรโฟกัส เพราะให้โอกาสสูงสุดที่จะดึงลูกค้าให้เข้ามายังเว็บไซต์ของเราได้มากที่สุด

อ่านต่อ

AEO (Answer Engine Optimization) คือเทคนิคการปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะสมกับการให้คำตอบโดย AI หรือผู้ช่วยดิจิทัล ซึ่งเน้นการจัดกลุ่มคำตอบที่ชัดเจน กระชับ และตรงประเด็น เพื่อให้ AI สามารถดึงไปใช้ตอบคำถามผู้ใช้งานได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว แตกต่างจาก SEO ที่เน้นการเพิ่มอันดับบนหน้าค้นหาและดึงดูดผู้คนเข้าชมเว็บไซต์โดยตรง

ตัวอย่างที่ชัดเจนจากลูกค้าของเราอย่าง D’ Lovevery Clinic ที่ทำงานร่วมกันมากว่า 1 ปี ด้วยการพัฒนาเนื้อหาถาม-ตอบในส่วน FAQ [https://dloveveryclinic.com/faq/] ทำให้เว็บไซต์ของคลินิกประสบความสำเร็จทั้งในด้านการค้นหาที่เพิ่มขึ้น, AI นำข้อมูลไปใช้เป็นคำตอบใน summary และเกิดยอดขายที่ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการใช้ AEO ร่วมกับ SEO สามารถสร้างคุณค่าและผลลัพธ์ที่ชัดเจนในธุรกิจจริงได้

อ่านต่อ

Home»FAQ»โดนลูกค้าในไลน์ Official บล็อคไปเกินครึ่ง ทำยังไงได้บ้าง