คู่มือระเบียบการโฆษณาสถานพยาบาล 2568
สวัสดีครับนฐานะเอเจนซี่ด้านการตลาดสำหรับคลินิกความงาม เราได้รวบรวมสาระสำคัญจากการประชุมของสำนักสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 โดยคุณสาโรจน์ ยอดประดิษฐ์ ผู้อำนวยการกองกฎหมาย และคุณอโนชา ชุมวิริยะสุขกุล หัวหน้ากลุ่มการโฆษณาและเปรียบเทียบคดี เพื่อให้ท่านสามารถทำการตลาดได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ส่วนที่ 1: อะไรที่ต้องขออนุญาตโฆษณา?
- ไม่ต้องขออนุญาต:
- ชื่อและที่ตั้งของสถานพยาบาล
- ต้องขออนุญาต:
- ข้อความ ภาพ และเสียงทั้งหมดที่ใช้ในการโฆษณา
ส่วนที่ 2: กระบวนการขออนุญาตโฆษณา
- ระยะเวลาพิจารณา:
- การพิจารณาอนุมัติโฆษณาใช้เวลาไม่เกิน 30 วัน
- หากไม่ได้รับการอนุมัติ จะแจ้งภายใน 7 วัน
- ค่าธรรมเนียมการขออนุญาต:
- สื่อ Internet: หน้าละ 500 บาท (ยื่นขอหน้าแรกของแต่ละช่องทาง เช่น Facebook, Instagram, LINE, TikTok, เว็บไซต์, Twitter, Google, Gowabi, HDmall, Shopee, Lazada)
- วิดีโอ: วินาทีละ 50 บาท (ต้องส่ง Story Board พร้อมฟอนต์ขนาดไม่ต่ำกว่า 16 point)
- ข้อกำหนดสำหรับ Influencer:
- หากใช้ Influencer หรือ Agency ในการโฆษณา ต้องยื่นขออนุญาตทุกคน
- เช่น หากคลินิกมีเอเจนซี่ 50 คน ต้องยื่นขอ 50 เลข
- หากไม่ปฏิบัติตาม จะถูกดำเนินคดี
- กรณีมีหลายสาขา:
- หากมีการโฆษณาชวนให้ไปรับบริการที่สาขาต่างๆ ต้องขออนุมัติแยกตามจำนวนสาขา
- ตัวอย่าง: คลินิกมี 77 สาขา ต้องขออนุมัติ 77 เลข ไม่สามารถใช้เพียง 1 เลขได้
- หากฝ่าฝืน โทษปรับจะทวีคูณตามจำนวนสาขา
ส่วนที่ 3: เนื้อหาที่ห้ามโฆษณา
- การแสดงยา และเครื่องมือแพทย์:
- ห้ามแสดงชื่อยาอันตรายหรือยาควบคุมพิเศษในโฆษณา
- ถ้าต้องการโฆษณาต้องใช้เป็นชื่อโปรแกรม เช่น “Program Botulinum Toxin” หรือ “Program ฉีด Botox”
- ห้ามแสดงขวดยา บาร์โค้ด
- ห้ามแพทย์ยืนคู่กับอุปกรณ์หรือเครื่องมือ (ผิดจริยธรรมแพทยสภา)
- ห้ามแสดงสรรพคุณ ประโยชน์ คุณภาพ มาตรฐาน ส่วนประกอบ แหล่งกำเนิดเครื่องมือแพทย์
- ห้ามแสดงรูปธงประเทศ
- เครื่องมือแพทย์:
- ต้องได้รับอนุญาตจาก อย. ก่อนโฆษณา (พรบ.เครื่องมือแพทย์)
- เมื่อโฆษณาในสถานพยาบาลต้องมีคำว่า “โปรแกรม” นำหน้าเสมอ เช่น “โปรแกรมรีจูรัน” “โปรแกรมเทอมาจ” “โปรแกรมอัลเทอร่า”
- สามารถแสดงชื่อทางการค้า เครื่องหมายการค้า หรือตราสัญลักษณ์ได้
- เครื่องสำอาง:
- ห้ามนำเครื่องสำอางมาใช้ในการฉีด
- ต้องแจ้งวิธีการใช้ตามวัตถุประสงค์ที่ได้รับอนุญาตจาก อย. เช่น “บำรุงผิวด้วย Chanel”
- ต้องใช้ข้อความที่สื่อถึงการใช้ภายนอกเท่านั้น
- การรักษาและหัตถการที่ไม่ได้รับการรับรอง:
- ห้ามโฆษณาการรักษาที่สภาวิชาชีพไม่รับรอง เช่น สเต็มเซลล์, anti-aging, ฉีดเพิ่มขนาด, PRP, killer cell
- ห้ามโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการรับรอง เช่น meso fat, ปากกาลดน้ำหนัก, magic pen, IV Drip สูตรพิเศษ
- สามารถโฆษณา IV Vitamin C ได้ (เป็นการรักษาที่ได้รับการยอมรับ)
- ห้ามโฆษณาหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ อย. ไม่อนุญาตหรือเพิกถอนทะเบียนไปแล้ว
- ห้ามโฆษณาวิธีการใช้สารไม่ตรงวัตถุประสงค์ เช่น ฉีดด้วยผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง
- การอบรมและคุณวุฒิ:
- ห้ามโฆษณาการเข้าร่วมอบรมหรือให้การอบรมในหลักสูตรที่ไม่ได้รับการรับรองจากสภาวิชาชีพ
- ตัวอย่างที่ห้ามโฆษณา: “อบรมเทคนิคฉีดฟิลเลอร์จากอเมริกา” “แพทย์จบจากเกาหลี” “อเมริกาบอร์ด”
- ห้ามจัดอบรมในสถานพยาบาลคลินิก เช่น เปิดคอร์สฉีดโบทอก หรือเปิดอบรมโดยอาจารย์
- ห้ามแสดงข้อความหรือภาพที่บ่งชี้ว่าเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่ไม่มีวุฒิบัตรหรืออนุมัติบัตร
- รางวัลและการรับรอง:
- ห้ามโฆษณาการได้รับรางวัล (ถือเป็นการโอ้อวดเกินจริง)
- ป้ายรับรางวัลหรือป้ายแสดงการอบรมสามารถติดในสถานพยาบาลได้ แต่ห้ามนำไปลงในสื่อโซเชียลมีเดีย
ส่วนที่ 4: กฎสำหรับโซเชียลมีเดียและออนไลน์
- การไลฟ์สด (Live):
- ห้ามไลฟ์สดเด็ดขาด เนื่องจากอาจเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
- ห้ามเผยแพร่ภาพไลฟ์สด เพราะฝ่าฝืนมาตรา 38 วรรคหนึ่ง (ไม่ได้ขออนุมัติโฆษณา)
- ห้ามไลฟ์แสดงการผ่าตัดหรือการให้บริการ
- ตัวอย่างที่อาจทำได้ (แต่ไม่แนะนำ): แสดงอาคารสถานที่ มุมกาแฟ หรือโซฟาในคลินิก
- วิดีโอและภาพ:
- สามารถโพสต์วิดีโอที่บันทึกไว้แล้วได้ แต่ต้องตรวจสอบความถูกต้องก่อน
- ห้ามโพสต์ภาพวิดีทัศน์การประกอบวิชาชีพเวชกรรมต่อตนเอง เช่น ภาพหมอฉีดหน้าให้ตัวเอง
- การเปรียบเทียบผลการรักษา:
- ภาพรีวิวหรือภาพเปรียบเทียบก่อน-หลังต้องระบุวันเดือนปีที่เข้ารับบริการ
- ต้องเป็นผู้ป่วยที่เข้ารับบริการจริง
- ห้ามตกแต่งภาพเพิ่มเติม
- ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ป่วย
- ต้องระบุข้อความใต้ภาพว่า: “ใช้เป็นตัวอย่างผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย”
- ข้อห้ามอื่นๆ:
- ห้ามใช้คำผวน
- ห้ามแสดงภาพความทุกข์ทรมาน
- ห้ามแสดงภาพเข็ม
- ห้ามโฆษณาว่า “พร้อมให้บริการ” หรือ “Coming Soon” หรือ “พบกันเร็วๆ นี้”
- ห้ามโฆษณาการให้บริการนอกสถานพยาบาล
- ห้ามโฆษณาภาพดาราพรีเซนเตอร์ที่แสดงตนเป็นแพทย์ในสื่อป้าย Billboard หรือโซเชียลมีเดีย
- ห้ามขายคอร์สออนไลน์
- กิจกรรมส่งเสริมการขาย:
- สำหรับกิจกรรมชิงโชคต่างๆ ต้องพิจารณา พ.ร.บ. การพนันประกอบด้วย
- การจัดกิจกรรมชิงโชค ลุ้นรางวัล หรือการส่งเสริมการขายในลักษณะคล้ายการพนัน
ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ส่วนที่ 5: บทกำหนดโทษและการบังคับใช้
- กรณีไม่รุนแรง:
- การโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามมาตรา 68 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล 2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 4 พ.ศ. 2559
- โทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท และปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาทจนกว่าจะระงับโฆษณา
- ใช้มาตรการ “2565 พินัย” ซึ่งเป็นมาตรการสำหรับความผิดที่มีโทษปรับอย่างเดียว เมื่อชำระค่าปรับแล้วถือว่าคดีจบ
- กรณีร้ายแรง:
- เนื้อหาโฆษณาเป็นเท็จ โอ้อวดเกินจริง และก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญ
- มีความผิดตามมาตรา 68 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล 2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 4 พ.ศ. 2559
- โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาทจนกว่าจะระงับโฆษณา
- หากยอมเสียค่าปรับ คดีอาญาจะเลิกกัน แต่จะถูกขึ้น blacklist
- หากไม่ยอมเสียค่าปรับ คดีจะถูกส่งให้ตำรวจดำเนินคดีอาญาต่อไป
- การบังคับใช้:
- มาตรา 38 วรรค 3 กำหนดให้ค่าปรับเป็นรายได้แผ่นดิน
- สบส. มี MOU กับทุกหน่วยงานและ 10 กรม สำหรับการแจ้งเบาะแสการกระทำผิด
- สบส. สามารถถอดโปรไฟล์ออกจากแพลตฟอร์มได้หากพบการกระทำผิด
- ความผิดทางจริยธรรมวิชาชีพ:
- แพทย์ที่ฝ่าฝืนประกาศแพทยสภาเกี่ยวกับการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพ อาจถูกพักใบอนุญาต 6 เดือน
ส่วนที่ 6: การอุทธรณ์
หากไม่เห็นด้วยกับคำสั่งระงับโฆษณาตามมาตรา 39 สามารถใช้สิทธิ์อุทธรณ์ได้ตามมาตรา 44 วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 โดย:
- ยื่นอุทธรณ์ต่ออธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
- ต้องยื่นภายใน 15 วันนับจากวันที่ได้รับคำสั่ง
สรุป
การโฆษณาสถานพยาบาลต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ขอให้ทุกคลินิกตรวจสอบเนื้อหาโฆษณาให้ถูกต้องก่อนเผยแพร่ เพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษทางกฎหมายและความเสียหายต่อชื่อเสียง หากมีข้อสงสัยประการใด แนะนำให้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายหรือติดต่อ สบส. โดยตรง