เชื่อว่าคุณหมอหลายคน และบุคลากรทางการแพทย์หลายท่าน น่าจะเริ่มมีแนวคิดว่าอยากสร้างตัวตน อยากออกมาให้ความรู้ ทำคลิปลงโซเชียลอยู่ไม่มากก็น้อย ข้อดีของการทำ Personal Branding คงเคยอ่าน หรือผ่านมามาบ้างแล้ว แต่ข้อเสีย อาจจะยังไม่มีคนบอกมากนัก โดยเฉพาะข้อเสียที่จะกระทบกับเราในระยะยาว วันนี้ผมขอแชร์ความเห็นในเรื่องนี้ครับ ผมขอเริ่มที่ข้อแรก คือการที่ข้อมูลส่วนตัว
ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว
- การเปิดเผยตัวตนในฐานะเจ้าของคลินิกอาจทำให้ชีวิตส่วนตัวของเจ้าของถูกรุกล้ำมากขึ้น ทั้งจากลูกค้าที่อาจติดตามเรื่องส่วนตัว หรือจากการถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสาธารณะ ทำให้เกิดความกดดันและผลกระทบด้านจิตใจได้
แบรนด์คลินิกขึ้นอยู่กับตัวบุคคลมากเกินไป
- หากเจ้าของคลินิกทำ Personal Branding ที่แข็งแกร่งเกินไป อาจทำให้แบรนด์ของคลินิกขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของตัวบุคคลมากเกินไปจนขาดความเป็นอิสระ หากเกิดปัญหา เช่น ชื่อเสียงเสียหายหรือเจ้าของไม่สามารถโปรโมตตัวเองต่อได้ คลินิกอาจได้รับผลกระทบโดยตรง
- ลูกค้าอาจมองว่าคลินิกแข็งแกร่งเพราะ “เจ้าของ” มากกว่าทีมงานหรือคลินิกโดยรวม
ภาพลักษณ์ที่ไม่สอดคล้องกับเป้าหมายคลินิก
- Personal Branding ของเจ้าของอาจไม่สอดคล้องหรือขัดแย้งกับแบรนด์ของคลินิก เช่น หากคลินิกมุ่งเน้นความเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่คุณหมอเจ้าสร้างภาพลักษณ์ที่ดูเป็นกันเองมากเกินไป อาจสร้างความสับสนให้กับลูกค้า
- บุคลิกส่วนตัวของเจ้าของอาจไม่ตรงกับตลาดเป้าหมาย ทำให้เสียโอกาสดึงดูดลูกค้าใหม่
การแบกรับความคาดหวังสูงจากลูกค้า
- การสร้างแบรนด์ตัวเองอย่างมากอาจทำให้ลูกค้าคาดหวังว่าเจ้าของคลินิกจะต้องลงมือดูแลทุกอย่างด้วยตัวเอง เช่น ต้องเป็นผู้ให้คำปรึกษา ให้การรักษา หรืออยู่ที่คลินิกตลอดเวลา หากไม่เป็นไปตามความคาดหวังเหล่านี้ อาจสร้างความไม่พอใจหรือความรู้สึกผิดหวังในตัวลูกค้า
ความเสี่ยงต่อชื่อเสียงของคลินิก
- หากเจ้าของคลินิกมีปัญหาในเรื่องภาพลักษณ์ การวิพากษ์วิจารณ์ในที่สาธารณะ หรือการแสดงออกที่ไม่เหมาะสม ย่อมส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของคลินิกโดยตรง เนื่องจากแบรนด์ของทั้งตัวบุคคลและคลินิกมักถูกเชื่อมโยงกัน
- ตัวอย่างเช่น หากเกิดดราม่าในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับบุคคล อาจลุกลามไปสู่การตั้งคำถามถึงมาตรฐานของคลินิกด้วย
การเพิ่มต้นทุนและภาระการดูแลแบรนด์
- การสร้าง Personal Branding ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ทั้งการดูแลโซเชียลมีเดีย การผลิตคอนเทนต์ การจ้างมืออาชีพเพื่อช่วยสร้างสื่อโปรโมต ฯลฯ หากเจ้าของไม่ได้มีความเชี่ยวชาญทางเทคนิคและต้องการความช่วยเหลือ จะทำให้เป็นต้นทุนเพิ่มเติม
- นอกจากนี้ การแบ่งเวลามาดูแล Personal Branding อาจทำให้ไม่มีเวลาเพียงพอสำหรับการจัดการงานสำคัญในคลินิก เช่น การบริหารพนักงาน การตรวจคุณภาพ ฯลฯ
เพิ่มความเสี่ยงต่อการแข่งขันในธุรกิจ
- หากคู่แข่งในธุรกิจนำจุดเด่นใน Personal Branding ของเจ้าของมาโจมตี เช่น การแสดงให้เห็นจุดอ่อนในคุณภาพบริการที่โปรโมต หรือทำให้ภาพลักษณ์ที่เจ้าของพยายามสร้างดูขาดความน่าเชื่อถือ ก็อาจทำให้เสียเปรียบในเชิงธุรกิจ
- การเน้นภาพลักษณ์บุคคลมากเกินไป อาจทำให้คลินิกดูเหมือนขาย “ความดัง” ของเจ้าของ แทนที่จะเน้นคุณภาพบริการหรือนวัตกรรมในคลินิก
ความน่าเชื่อถือที่ต้องเผชิญกับข้อกฎหมาย
- เจ้าของคลินิกที่โปรโมต Personal Branding ต้องระวังในการให้คำแนะนำหรือข้อมูลสุขภาพ เพราะหากการโฆษณาเกินจริง หรือไม่ถูกต้องตามหลักการแพทย์ เช่น การโฆษณาคำรับรอง (Testimonial) ที่เกินจริง อาจละเมิดกฎหมายในการโฆษณาเกี่ยวกับบริการทางสุขภาพ เช่น กฎหมายควบคุมการโฆษณาของ อย.

ลดบทบาทของทีมแพทย์ในคลินิก
- การทำแบรนด์ส่วนบุคคลที่มากเกินไปอาจลดบทบาทของทีมงาน เช่น ตำแหน่งแพทย์ ทำให้คนมองภาพว่าแพทย์คนอื่นๆในคลินิกไม่มีความเชี่ยวชาญเท่า ลดโอกาสการเข้าใช้บริการทางอ้อมได้ ต้องระมัดระวังในการสื่อสารให้ดี
- หากหมอเจ้าของไม่อยู่ เช่น ประกาศไปต่างประเทศชัดเจน 1 เดือนเต็ม ลูกค้า คนไข้อาจขาดความเชื่อมั่นในคลินิก เพราะมองว่าคลินิกไม่สามารถให้บริการได้มาตรฐานเหมือนตอนเจ้าของอยู่
คำแนะนำ
Personal Branding สำหรับเจ้าของคลินิกมีข้อดีในแง่ของการสร้างความน่าเชื่อถือและดึงดูดลูกค้า แต่ในฐานะเจ้าของธุรกิจ สิ่งสำคัญคือการ หาสมดุลระหว่างแบรนด์ส่วนบุคคลและแบรนด์ของคลินิก เพื่อป้องกันไม่ให้ธุรกิจขึ้นอยู่กับตัวบุคคลเพียงคนเดียว