คุณเคยรู้สึกทึ่งกับคนบางคนไหม คนที่ดูเหมือนจะสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งธรรมดาให้กลายเป็นสิ่งมีมูลค่าได้ พวกเขาอาจจะไม่ได้มีเวทมนตร์ หรือดวงลาภลอย แต่เป็นคนที่มีทักษะ ความคิด และวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ผมเองในฐานะที่ปรึกษาด้านการตลาดให้กับคลินิกความงาม มีโอกาสได้ร่วมงานกับคนแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง ทั้งเป็นคุณหมอ และเป็นนักธุรกิจ บางท่านไม่ได้เรียนสูงด้วย และพบว่าพวกเขามี “ความเหมือน” หรือ “ลักษณะร่วม” ที่น่าสนใจ ซึ่งสามารถกลั่นกรองเป็นบทสนทนา หรือเอามาแชร์ในที่ประชุมอยู่บ่อยครั้ง
พวกเขา มีภาพในหัว
ลักษณะหนึ่งที่สังเกตได้จากคนกลุ่มนี้คือ พวกเขา “มองเห็นเส้นทางตั้งแต่ต้นจนจบ” หมายความว่า พวกเขาไม่เพียงแค่รู้ว่าจะเริ่มต้นธุรกิจตรงไหน แต่ยังคิดไปจนถึงผลลัพธ์และแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในทุกๆ ขั้นตอน เป็นคนที่เหมือนจะ “อ่านอนาคตธุรกิจ” ได้ พวกเขาสามารถวางแผนต่อยอดทุกสิ่ง ตั้งแต่การออกแบบโปรแกรมทรีตเมนต์ ไปจนถึงการคิดวิธีสร้างประสบการณ์ที่โดนใจลูกค้า (บางเรื่องเกิดจากประสบการณ์ที่เห็นมา บางเรื่องเกิดจากจินตนาการว่าทำแบบนี้ ลูกค้าต้องชอบแน่)
พวกเขา มีทักษะการขายที่ยอดเยี่ยม
โดยเฉพาะในธุรกิจความงามที่แข่งขันกันด้วยโปรโมชั่นและการให้บริการ คนที่จับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองจะมองออกว่า “ของธรรมดาจะพิเศษได้อย่างไร” พวกเขารู้วิธีนำเสนอธรรมดา ให้มีมูลค่า และสร้างความเข้าใจที่โดนใจลูกค้า เช่น การขายคอร์สความงามที่ไม่ได้พูดถึงแค่ผลลัพธ์ แต่เชื่อมโยงเข้ากับไลฟ์สไตล์และแรงบันดาลใจของผู้รับบริการ
พวกเขา ชอบขายของราคาสูง
ลูกค้าในธุรกิจความงามบางกลุ่ม (กลุ่มนี้มีเยอะกว่าที่หลายคนคิดไว้) ไม่ได้มองหา “ราคาถูกที่สุด” แต่พวกเขามองหาความรู้สึกที่ตรงกับอารมณ์หรือความต้องการของตน เช่น ความมั่นใจ ความสุข หรือความรู้สึกถึงระดับสังคม (social status) ธุรกิจคลินิกความงามควรสร้างภาพลักษณ์ที่ตอบโจทย์สิ่งนี้
กล้าตัดสินใจ
อีกสิ่งหนึ่งที่คนเหล่านี้มีร่วมกันคือ ความยืดหยุ่นและการกล้าตัดสินใจทิ้งสิ่งที่ไม่เวิร์ก
พวกเขามีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาจะไม่ยึดติดกับแผนการหรือโปรเจ็กต์เดิม หากมองเห็นแล้วว่ามันไม่สร้างประโยชน์ในระยะยาว หลายครั้งนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาเติบโตไปข้างหน้าได้ เพราะแทนที่จะเสียเวลาสู้กับสิ่งที่ไม่พอดีกับตลาด พวกเขาเลือกที่จะปรับเปลี่ยนทิศทางและลองอะไรใหม่ด้วยความรวดเร็ว
ในแง่ของการบริหารคลินิกความงาม สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าสำคัญแค่ไหนที่เจ้าของคลินิกหรือที่ปรึกษาจะต้อง “ตามทัน” และสามารถทำงานร่วมกับคนแบบนี้ได้ การกระตุ้นให้ทั้งทีมขยับตามพลังของคนเก่งคนหนึ่งนั้นเป็นเรื่องสำคัญ
คำแนะนำเมื่อได้ร่วมงานกับพวกเขา
1. ทีมต้องพร้อมปรับตัว
กระบวนการทำงานในคลินิกหรือธุรกิจความงามต้องมีความยืดหยุ่นเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเมื่อผู้นำธุรกิจหรือนักการตลาดมองเห็นโอกาสใหม่ การที่ทีมสามารถทำงานได้อย่างคล่องตัวหมายถึงการทำให้ทิศทางธุรกิจเดินไปข้างหน้าได้โดยไม่ต้องเสียจังหวะ
2. สอนทีมให้มองภาพรวม
ทักษะ “มองเห็นปลายทางตั้งแต่จุดเริ่มต้น” ไม่ได้มีกันง่ายๆแค่หลักวันหลักเดือน แต่การสื่อสารและทำให้ทีมเข้าใจภาพรวมของแผนงานสำคัญจะช่วยลดความสับสน และทำให้งานเดินหน้าไปได้อย่างเต็มกำลัง
3. พัฒนาทักษะการขายในทุกมิติที่ทำได้
ในธุรกิจคลินิกความงาม การขายไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ฝ่ายขายหรือแอดมินตอบแชทคลินิกเท่านั้น พนักงานทุกคนควรเข้าใจว่า “ทุกการพูดจาและการกระทำ คือกระบวนการสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่าที่จะจ่าย”
